การสร้างเว็บไซต์มีหลายองค์ประกอบสำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้าง การออกแบบดีไซน์ หรือการเขียนโปรแกรม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพของการใช้งานเว็บไซต์โดยรวม อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นสาย UX คุณอาจคุ้นเคยกับคำว่า "Wireframe" ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผน และออกแบบหน้าตาของเว็บไซต์ ดังนั้น เพื่อไขข้อสงสัยว่า Wireframe คืออะไร ? ในบทความนี้ Launch Platform จะพาคุณไปทำความรู้จักกับไวร์เฟรม ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำประโยชน์ และขั้นตอนการสร้างไวร์เฟรม ที่สามารถนำไปใช้จริงได้ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับ
กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
ไขข้อสงสัย Wireframe คืออะไร ?
Wireframe (ไวร์เฟรม) คือแผนภาพที่ใช้แสดงกรอบโครงสร้างของการออกแบบดิจิทัลโปรดักต์ เพื่อช่วยให้ผู้ออกแบบและนักพัฒนาเข้าใจภาพรวมของโครงงานตรงกัน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการทำ Blueprint ในสายงานสถาปัตยกรรม โดยการสร้างไวร์เฟรม จะทำได้ทั้งในรูปแบบดิจิทัลหรือการวาดด้วยมือ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและเป้าหมายของผู้ใช้งาน สามารถแบ่งการออกแบบออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ดังนี้
Low-Fidelity Wireframe : เป็นการออกแบบเรียบง่าย และไม่เน้นรายละเอียดมาก โดยใช้การวาดลงบนกระดาษ หรือแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำเสนอแนวคิดเบื้องต้นหรือทดสอบโครงสร้างการวางเนื้อหา
Medium-Fidelity Wireframe : เป็นการต่อยอดจากรูปแบบแรก โดยแสดงรายละเอียดมากขึ้นทั้งในเรื่องของตำแหน่งองค์ประกอบ และรูปแบบการจัดวาง
High-Fidelity Wireframe : เป็นการลงรายละเอียดครบสมบูรณ์ และใกล้เคียงกับชิ้นงานที่จะได้การผลิตขึ้นมาจริง เพื่อทดสอบประสบการณ์การใช้งานก่อนพัฒนาเป็นโปรดักต์จริง
ถ้าคุณสนใจเรื่อง Wireframe : อย่ามองข้ามบทความนี้ :
Node.js คืออะไร? เข้าใจง่าย ๆ สำหรับคนทำเว็บไซต์
สำรวจประโยชน์ของ Wireframe Design ที่หลายคนอาจไม่รู้
Wireframe Design คือกระบวนการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานของหน้าเว็บ หรือการออกแบบโครงสร้างของแอปพลิเคชัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งและการจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ข้อความ ปุ่ม รูปภาพ และเมนู โดยไม่เน้นที่สีสันหรือรายละเอียดการตกแต่ง แต่จะเน้นที่โครงสร้างและการใช้งานของหน้าเป็นหลัก นอกจากนี้ การทำ Wireframe Design มีประโยชน์ที่หลายคนอาจยังไม่รู้
สนใจบริการ : ทำระบบแพลตฟอร์มผ่าน Wireframe ด้วยทีมพัฒนามืออาชีพ ประสบการณ์สูง พร้อมให้คำปรึกษาตอนนี้
ลดการทำงานซับซ้อน : การทำไวร์เฟรม ช่วยลดความซับซ้อนในขั้นตอนการออกแบบและพัฒนา เพราะมีโครงสร้างที่ชัดเจนและลำดับขั้นตอนการวางองค์ประกอบที่กำหนดไว้ ทำให้ไม่ต้องปรับแก้ไขซ้ำหลายครั้ง
ลดระยะเวลาการทำงาน : เมื่อทีมงานมี Wireframe ที่ชัดเจน จะช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการตัดสินใจและการปรับเปลี่ยนในขั้นตอนต่าง ๆ จึงทำให้สามารถพัฒนาโปรเจกต์ได้เร็วขึ้น
เกิดการทำงานเป็นทีม : ไวร์เฟรมช่วยให้ทุกคนในทีมเห็นภาพรวมของโปรเจกต์ตรงกัน และสามารถสื่อสารไอเดียร่วมกันได้ง่ายขึ้น ซึ่งนำไปสู่การทำงานที่สอดคล้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
มองเห็นถึงปัญหาได้ชัดเจน : การออกแบบ Wireframe ทำให้สามารถสังเกตและระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น เช่น ปัญหาการจัดวางองค์ประกอบหรือความไม่สะดวกในการใช้งานของผู้ใช้ ช่วยให้แก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่ต้น ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนาจริง
ควบคุมค่าใช้จ่าย : ไม่ว่าจะทำสิ่งอะไรก็ตามบนโลกใบนี้ มักมีค่าใช้จ่ายอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการออกแบบ ซึ่งการวางแผนโครงสร้างที่ชัดเจนผ่าน Wireframe สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดจากการปรับแก้ไขในภายหลัง ช่วยประหยัดงบประมาณ และทำให้การจัดการทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพ
แนวทางการทำ Wireframe ให้มีประสิทธิภาพ
จากที่เคยกล่าวไปข้างต้น สามารถแบ่งการทำได้ด้วยการวาด Wireframe ลงบนกระดาษ และการวาดไวร์เฟรม ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์ โดยใจความสำคัญของการทำไวร์เฟรม จะคำนึงถึง “การวางโครงสร้าง” มากกว่าความสวยงาม เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำ Wireframe ไปใช้ในการออกแบบและพัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งมีขั้นตอนการทำ ดังนี้
ขอบคุณวิดีโอจาก : กศน. ออนไลน์
1.กำหนดเป้าหมาย
ในขั้นตอนแรกคือ “กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน” สำหรับ Wireframe นี้ เช่น จะใช้สำหรับนำเสนอการจัดวางองค์ประกอบ หรือเพื่อทดสอบการใช้งานของผู้ใช้ โดยมีความชัดเจนในโครงสร้างหน้าจอที่ต้องการสร้าง
2.เลือกอุปกรณ์ที่สะดวกต่อการทำงาน
คุณควรวิธีการทำ Wireframe ที่เหมาะสมกับขั้นตอนการทำงาน เช่น การวาดลงกระดาษสำหรับการสเกตช์ไอเดียเบื้องต้น หรือการใช้ซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันบนคอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตที่ช่วยให้การปรับแก้ไขง่ายขึ้น
3.ลำดับการจัดวาง
การจัดวางองค์ประกอบหลัก ๆ ของหน้าเว็บหรือแอปพลิเคชัน เช่น เมนู ข้อความ และปุ่มต่าง ๆ ให้มีลำดับที่ชัดเจน และสอดคล้องกับการใช้งาน โดยไม่ต้องเน้นที่รายละเอียดสีหรือกราฟิก เพื่อให้โครงสร้างหน้าเว็บนั้นมีการใช้งานที่ดี
4.คำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้
สำหรับการคำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience) เพื่อให้การออกแบบไวร์เฟรม ให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ โดยคำนึงถึงความง่ายในการเข้าถึงข้อมูล เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกในระหว่างใช้
5.การปรับปรุง
ขั้นตอนสุดท้ายของการทำไวร์เฟรม คือการปรับปรุงจากข้อเสนอแนะ จากการทดสอบการใช้งาน และเปิดรับความคิดเห็นจากทีมงานหรือผู้ใช้ เพื่อปรับปรุงและแก้ไขให้ตรงกับความต้องการและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับการทำความรู้จัก Wireframe การวางแผนดีไซน์ ที่นักออกแบบมือใหม่ควรรู้ ที่เราได้นำเสนอในบทความนี้ หากคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นสายงานออกแบบ อย่าลืมนำแนวทางการทำไวร์เฟรม ที่เราแนะนำไปปรับใช้กับโปรเจกต์ของคุณ เพื่อให้การออกแบบของคุณเป็นระบบมากยิ่งขึ้น
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้:
ที่มาข้อมูล :
Career Foundry : What Is A Wireframe? Your Best Guide [With Examples]
Balsamiq : What are wireframes and why are they used? | Wireframing Academy | Balsamiq
Experience UX : What is wireframing | Experience UX
