Deep Learning ช่วยในการตรวจจับธุรกรรมที่น่าสงสัย (Fraud Detection) ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ และยังช่วยระบบช่วยตัดสินใจให้สินเชื่อโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเครดิตแบบอัตโนมัติ
3.การดูแลสุขภาพ
Deep Learning ยังช่วยในการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ เช่น การตรวจหาโรคมะเร็งจากภาพเอกซเรย์ อีกทั้งยังสามารถช่วยพัฒนาระบบช่วยวินิจฉัยโรคที่ใช้ข้อมูลจากเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (EHR)
4.อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง
Deep Learning ยังสามารถช่วยสร้างระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving) ของบริษัทอย่าง Tesla และ Waymo และยังช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลการจราจรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งได้อีกด้วย
5.การพัฒนาแชทบอทและระบบสนับสนุนลูกค้า
การใช้ AI Chatbot ที่ขับเคลื่อนด้วย Deep Learning เพื่อให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น ChatGPT และ Google Bard
6.การแปลภาษาและรู้จำเสียงพูด
Deep Learning ยังเป็นส่วนหนึ่งของบริการแปลภาษาด้วย AI เช่น Google Translate และยังมีระบบจดจำเสียงพูด เช่น Siri, Google Assistant และ Alexa
สรุป
Deep Learning เป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในโลกยุคดิจิทัล ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากและสร้างการตัดสินใจอย่างแม่นยำ ทำให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จาก Deep Learning ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การเงิน การแพทย์ หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอัจฉริยะ หากองค์กรสามารถนำ Deep Learning ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับตลาดได้อย่างแน่นอน