ในปัจจุบัน การทำธุรกรรมทางการเงินสามารถดำเนินการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยระบบ “E-Payment” ที่ได้รับการออกแบบกับสังคมไร้เงินสด ซึ่งช่วยให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถทำรายการชำระเงินได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน ชำระค่าสินค้า หรือรับชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ ดังนั้น ใครที่กำลังมีข้อกังวลถึงการใช้งานระบบดังกล่าว ในบทความนี้ Launch Platform จะพาทำความรู้จัก E-Payment คืออะไร ? ถ้าพร้อมกันแล้ว ตามไปดูกันครับ
กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
ไขข้อข้องใจ E-Payment คืออะไร
E-Payment (Electronic Payment) คือระบบธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ช่วยให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องผ่านเจ้าหน้าที่ธนาคาร โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง แทนการพกเงินสดจำนวนมาก ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งนี้ ระบบดังกล่าว แบ่งรูปแบบการใช้งานทั้ง 4 รูปแบบ ได้แก่
บัตรเครดิต/เดบิต : ใช้สำหรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตร (POS) หรือช่องทางออนไลน์ ช่วยให้การทำธุรกรรมสะดวกและรวดเร็ว
กระเป๋าเงินดิจิทัล : แอปพลิเคชันที่ใช้เก็บเงินในรูปแบบดิจิทัล สามารถใช้จ่ายแทนเงินสดได้
QR Code Payment : วิธีการชำระเงินโดยการสแกน QR Code ซึ่งเป็นที่นิยมในร้านค้าและบริการต่าง ๆ เพราะใช้งานง่ายและรวดเร็ว
Mobile Banking : แอปพลิเคชันของธนาคารที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโอนเงิน จ่ายบิล หรือทำธุรกรรมอื่น ๆ ได้ผ่านสมาร์ตโฟนทุกที่ทุกเวลา โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
ขอบคุณวิดีโอจาก : สตางค์ Story
เคล็ดลับเลือกใช้งาน E-Payment ให้ตรงความเหมาะสมของคุณ
สำหรับการเลือกใช้งานระบบ E-Payment ควรคำนึงถึงความสะดวก ความปลอดภัย และความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของแต่ละคน โดยเราจะมาเปรียบเทียบการใช้งานในตัวเลือกต่าง ๆ ดังนี้
1.บัตรเครดิต/เดบิต
บัตรเดบิตและบัตรเครดิต ได้เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาทดแทนการพกเงินสดจำนวนมาก โดยอุปกรณ์ทั้ง 2 รูปแบบ มีการใช้งานที่แตกต่างกัน
บัตรเดบิต : เชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากของผู้ใช้โดยตรง เมื่อทำธุรกรรม ระบบจะหักเงินจากบัญชีทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมการใช้จ่าย และไม่ต้องการเป็นหนี้หรือเสียดอกเบี้ย
บัตรเครดิต : อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้เงินล่วงหน้าได้จากวงเงินที่ธนาคารกำหนด และชำระคืนในภายหลัง สามารถเลือกจ่ายเต็มจำนวนหรือผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ได้ เหมาะสำหรับผู้มีวินัยทางการเงินสูง เพราะจะมีการเก็บเงินดอกเบี้ยเพิ่มเติม หากไม่ชำระตามเวลาที่กำหนด รวมถึงเสียเครดิตทางการเงิน
2.กระเป๋าเงินดิจิทัล
กระเป๋าเงินดิจิทัล (E-Wallet) เป็นอีกหนึ่งระบบ E-Payment ที่ช่วยให้การชำระเงินสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยผู้ให้บริการด้านสินค้าและบริการได้ออกแบบ กระเป๋าเงินออนไลน์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้จ่ายโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารโดยตรง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงบัญชีธนาคารโดยตรงของผู้ใช้งาน ทำให้ธุรกรรมปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน E-Wallet ยอดนิยม เช่น TrueMoney Wallet, Rabbit LINE Pay, Apple Pay หรือ ShopeePay เป็นต้น

3.QR Code Payment
การเข้ามาของการสร้าง QR Code Payment ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงิน เพียงแค่สแกน QR Code ก็สามารถทำธุรกรรมได้ทันที จึงเหมาะกับร้านค้าขนาดเล็ก หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการรับชำระเงินอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องการใช้เครื่องรูดบัตร
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 เว็บสร้าง QR Code ฟรี ที่สามารถ Tracking ข้อมูลการสแกนได้
Mobile Banking เป็นแอปพลิเคชันของธนาคาร ที่ออกแบบมาให้ผู้ที่ต้องการโอนเงิน ชำระบิล หรือทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมายังธนาคารโดยตรง ซึ่งสะดวกและปลอดภัย สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
หากเปรียบเทียบ E-Payment ทั้ง 4 รูปแบบตามการใช้งาน ผู้เขียนมองว่า Mobile Banking เป็นตัวเลือกที่สะดวกที่สุด เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่าย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในแง่ของ ความคุ้มค่า การใช้ บัตรเครดิต ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า เนื่องจากมีสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น การสะสมแต้ม เพื่อแลกรับของรางวัล ส่วนลดพิเศษ จากร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึง ความสะดวกในการใช้จ่ายในต่างประเทศ ที่สามารถชำระเงินได้โดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก
รวม 4 เหตุผล ทำไมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ควรมีระบบ E-Payment
หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ได้กลายเป็นช่องทางหลักในการซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ ทำให้เว็บไซต์ขายของจากแบรนด์ต่าง ๆ ต้องเพิ่มระบบ E-Payment ให้หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากการทำธุรกรรมผ่านธนาคารหรือการชำระเงินปลายทาง สำหรับผู้ประกอบการขายของออนไลน์ การใช้ระบบ E-Payment ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเหตุผลสำคัญที่ธุรกิจควรนำระบบนี้มาใช้งาน มีดังต่อไปนี้
1.เพิ่มโอกาสในการขาย
การนำระบบ E-Payment มาใช้ในร้านค้าของคุณ หรือเว็บไซต์ E-Commerce จะช่วยเพิ่มยอดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ระบบการชำระเงินแบบใดก็ตาม นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเฉพาะหากคุณเลือกใช้ระบบการจ่ายเงินที่รองรับมาตรฐานสากล เช่น Mastercard, Visa หรือ PayPal เป็นต้น

2.เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า
การเพิ่มช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น Mobile Banking, QR Code Payment, บัตรเครดิต/เดบิต หรือ E-Wallet ช่วยให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการของตนเอง ลดอุปสรรคในการซื้อสินค้า
3.เสริมความมั่นใจในความปลอดภัย
ระบบ E-Payment มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) และระบบยืนยันตัวตน (Two-Factor Authentication) ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อทำธุรกรรมออนไลน์
4.ลดต้นทุนในการขายของ
การใช้ E-Payment ยังช่วยให้การจดบันทึกข้อมูลทางการเงินเป็นไปอย่างแม่นยำและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งลดความผิดพลาดในการคำนวณรายรับ อีกทั้งยังมี หลักฐานการทำธุรกรรม ซึ่งสามารถใช้ตรวจสอบได้ในกรณีที่เกิดปัญหาทางการเงิน
สรุป
ระบบ E-Payment มีแนวโน้มการใช้งานที่เติบโตมากยิ่งขึ้น เนื่องจากช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค ลดความเสี่ยงจากการใช้เงินสด และช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการธุรกรรมทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรพิจารณานำระบบ E-Payment มาให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เพื่อตอบรับพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลง
สนใจทำระบบ E-Payment และระบบอื่น ๆ สำหรับร้านค้าของคุณ เรารอให้คำแนะนำ ติดต่อเรา Launch Platform
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ที่มาข้อมูล :
Mineraltree : Electronic Payments: What Your Business Needs to Know | MineralTree
Epayspace : E-payment (or e-payment): definition, services and benefits - E-pay Space, Creator of payment solutions
Tipalti : What is an Electronic Payment and How Does its System Work?