DEVELOP WEBSITE & MOBILE APPLICATION PLATFORMS FOR ALL

อยากมีเว็บไซต์ขายของออนไลน์ จำเป็นต้องรู้ว่าทำเว็บ E-Commerce ราคาเท่าไหร่ ราคาในการพัฒนา 45,000 บาท - 500,000 บาทขึ้นไป จะต้องจ่ายอะไรเพิ่มอีกไหม มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน

กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

ทำเว็บ E-Commerce ราคาเท่าไหร่ ต้นทุนที่ต้องใช้ในปี 2024

การทำเว็บไซต์สำหรับขายของออนไลน์ หรือจองบริการต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยทั่วไปเว็บไซต์ที่มีระบบหลังบ้านครบวงจรจะมีราคาตั้งแต่ 45,000 บาท - 500,000 บาทขึ้นไป ถือเป็นเว็บไซต์ที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง เป็นรองเพียงเว็บไซต์ประเภท Corporate (เว็บไซต์บริษัท) เท่านั้น

ราคาประมาณนี้แน่นอนว่ายังไม่รวมราคาบริการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ และต้องทำการดูแลด้วยตัวของเราเอง เช่น ค่า Domain Name หรือค่าเช่า Hosting ที่จะต้องจ่ายเป็นรายปี เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : เว็บ E-Commerce คืออะไร มีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณอย่างไร

สนใจบริการ : รับทำเว็บไซต์ เริ่มต้นเพียงหน้าละ 3,500 บาท ออกแบบผ่าน UX/UI Designer พร้อมให้คำแนะนำด้าน SEO

ทำไมการทำเว็บ E-Commerce จึงมีราคาค่อนข้างสูง

การพัฒนาเว็บไซต์ในแต่ละประเภทจะมีราคาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยจะใช้เกณฑ์ในการใช้งานเป็นตัวจำแนก หากต้องการเว็บไซต์ที่ลูกเล่นเยอะ มีเครื่องมือให้ใช้งานเฉพาะทางมากเท่าไหร่ ราคาจะยิ่งพุ่งแรงมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากต้องการใช้งานเว็บไซต์สำหรับลงผลงาน หรือทำ Portfolio (Portfolio Website) ราคาจะอยู่ในช่วงไม่เกิน 10,000 บาทเท่านั้นเอง เพราะจะใช้งานเพียงการลงรูปภาพเท่านั้น

ในขณะที่เว็บไซต์ E-Commerce จะมีการใช้งานที่หลากหลาย มีความซับซ้อนมากกว่าอย่างชัดเจน ทั้งการวางสินค้าตามหมวดหมู่ สามารถแสดงราคา กำหนดราคาโปรโมชัน มีขั้นตอนในการกดสินค้าใส่ตะกร้า ไปจนถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน ทุกอย่างจะเกิดขึ้นภายในเว็บไซต์ ซึ่งต้องใช้เวลาในการพัฒนาพอสมควร ไม่รวมการทำเครื่องมือแสดงสถิติการขายต่าง ๆ ที่ทำให้เราสามารถดูผ่านหลังบ้าน เพื่อวิเคราะห์การขายต่อไป ทำให้ต้นทุนในการพัฒนาสูงขึ้นมาก แน่นอนว่าหากเทียบกับเว็บไซต์บริษัทที่ใช้งบ 500,000 บาทขึ้นไป จะต้องมีความซับซ้อนในการพัฒนากว่ามาก

ทำเว็บ E-Commerce ราคาเท่าไหร่

ทำไม Freelane จึงรับทำในราคาหลักพันได้

การทำเว็บไซต์รองรับการขายสินค้าออนไลน์ เรามักจะเห็นว่ามีคนทั่วไปรับทำในราคาเพียงไม่กี่พันเท่านั้น เรตราคามักจะอยู่ในช่วง 5,000 บาท - 25,000 บาทเท่านั้นเอง นั่นเป็นเพราะรูปแบบการพัฒนามักจะทำผ่าน WordPress ที่มีเครื่องมือ Plug-in พร้อมสำหรับการใช้งาน เพียงแค่ต้องมาตั้งค่าเพิ่มเติมเท่านั้น นอกจากนี้การจ้าง Freelane ในราคาย่อมเยา มักจะถูกจำกัดจำนวนของเพจ (Page) หรือหน้าเมนูหลักของเว็บไซต์ตายตัว ไม่สามารถทำเพิ่มได้หากต้องการในภายหลัง นอกจากต้องมาเสียเงินเพื่อจ้างปรับแต่งอีกรอบ

ตรงกันข้ามหากเลือกที่จะใช้รูปแบบเว็บไซต์ปรับแต่งเองตามความต้องการ (Custom Website) ซึ่งสามารถเลือกได้เลยว่าต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไรในระบบหลังบ้าน และหน้าบ้าน ต้องการให้มีการปรับแต่งได้เองในส่วนไหนบ้าง ต้องการกี่หน้า รายละเอียดการออกแบบเป็นอย่างไร ไปจนถึงการแสดงผลค่าสถิติการขายต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญในการเขียน Code และมีความซับซ้อนกว่า WordPress ในบางจุดด้วย ด้วยเหตุนี้บริการทำเว็บ E-Commerce แบบครบวงจรผ่าน Custom Website จึงเป็นที่นิยมมากกว่า

ทำเว็บขายของออนไลน์จ่ายแล้วจบหรือไม่

เมื่อต้นทุนเริ่มสูง หลายคนอาจกังวลว่าจ่ายไปแล้วต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่ คำตอบคือ “มีแน่นอน” เพราะการพัฒนาเว็บ E-Commerce ทำเพื่อขายสินค้า หรือบริการ จะต้องมีสิ่งที่เรียกว่าการทำ “UX/UI” เป็นการออกแบบการจัดวาง ตำแหน่งองค์ประกอบต่าง ๆ ของเว็บไซต์ จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ของเราเอง กรณีที่ไม่ได้มีบริการ MA อยู่แล้ว จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม นอกจากเราจะสามารถจัดการหลังบ้านได้ด้วยตนเอง แต่เว็บไซต์ที่ทำแบบนั้นได้ แน่นอนว่ามักจะมีราคาในหลักหลายแสนบาทแน่นอน

ราคาเว็บ E-Commerce

ทำเว็บ E-Commerce ใช้เวลาในการพัฒนานานไหม

การพัฒนาเว็บไซต์ประเภทนี้แบบเบื้องต้น สำเร็จรูป ไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรมากจะใช้เวลาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ - 1 เดือน หากพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อนสูงจะใช้เวลาตั้งแต่ 4 เดือน - 6 เดือน ทั้งนี้ระยะเวลาในการพัฒนาจะขึ้นอยู่กับระบบที่เราต้องการด้วยว่ามีความยากง่ายในการทำมากแค่ไหน

ตัวอย่างเว็บ E-Commerce ที่ดีที่สุดในไทยที่คุณควรศึกษา

จากข้อมูลของ similarweb แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ประเภท eCommerce & Shopping ที่คนไทยเข้าเยอะที่สุด ประกอบไปด้วยชื่อของเว็บไซต์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้ถือว่าประสบความสำเร็จ มีความเหมาะสมที่จะนำมาเป็นต้นแบบในการศึกษา พัฒนาเว็บไซต์ของเราเองได้ เราจะหยิบยกมาทั้งหมด 5 อันดับ ได้แก่

  • shopee.co.th : แพลตฟอร์มตัวกลางด้านการขายสินค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบสั่งอาหาร และการ Live วิดีโอเข้าไปด้วย

  • lazada.co.th : แพลตฟอร์มตัวกลางด้านการขายสินค้าเช่นเดียวกับ shopee แต่มีปริมาณผู้เข้าใช้เว็บไซต์น้อยกว่าเท่านั้นเอง

  • kaidee.com : สำหรับแพลตฟอร์มนี้นอกจากจะเปิดให้ลงขายสินค้าทั่วไปแล้ว ยังสามารถทำการลงขายอสังหาริมทรัพย์ได้อีกด้วย ซึ่งเราสามารถโทรคุยกับผู้ขายได้โดยตรง

  • ebay.com : รับรองได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักเว็บลงขายของออนไลน์ที่เก่าแก่นี้แน่นอน เราสามารถค้นหาสินค้าได้จากทั่วโลก และในประเทศไทยได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 4 จากลิสต์นี้

  • amazon.com : หนึ่งในเว็บไซต์ขายสินค้าระดับโลกเช่นเดียวกัน ได้รับความนิยมในประเทศไทยระดับหนึ่ง ถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ ebay

จุดที่สังเกตได้จาก 5 รายชื่อที่เราได้กล่าวมา หากเราดูดี ๆ จะมีจุดร่วมกันหลายจุดทั้งการที่มีแอปพลิเคชัน สามารถซื้อของได้สะดวก มีตัวเลือกในการซื้อรองรับหลายกลุ่มเป้าหมาย ส่วน 3 อันดับแรก เป็นแพลตฟอร์มแรก ๆ ที่เข้ามาตั้งรากฐานที่ประเทศไทยตั้งแต่ยุคแรก ๆ และค่อย ๆ ปรับตัวจนได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ในขณะที่ ebay และ amazon ที่โด่งดังในต่างประเทศ แต่ไม่ค่อยเข้ามาตีตลาดในประเทศไทย พอเข้ามาจริง ๆ ก็ไม่สามารถดึงคนจากแพลตฟอร์ม 3 อันดับแรกได้อยู่ดี

เลือกใช้บริการทำเว็บ E-Commerce กับ Launch Platform

บริการของเรารองรับสำหรับเว็บไซต์ขายของออนไลน์ทุกขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ พร้อมให้คำปรึกษาอย่างดีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายก่อนตัดสินใจ Launch Platform ยังพร้อมดูแลคุณผ่านการให้บริการ MA หลังจากพัฒนาเว็บไซต์เสร็จสิ้นอีกด้วย

เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้:

ที่มาข้อมูล: 1, 2


01 Aug 2024
Tags :



Writer
LAUNCHPLATFORM
Content Writer

บทความแนะนำที่เกี่ยวกับบริการ