อยากให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นบน Facebook และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นใช่ไหม? การทำ SEO Facebook คือคำตอบ เทคนิคนี้จะช่วยให้โพสต์ของคุณแสดงขึ้นมาในผลการค้นหาของ Facebook เหมือนกับที่เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ Google อย่างง่ายดาย มาเรียนรู้วิธีใช้ SMO (Social Media Optimization) เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างแบรนด์ของคุณให้ปังขึ้นด้วยเทคนิค SEO Facebook กัน
กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
SEO บน Facebook คืออะไร
SEO Facebook คือ เทคนิคการปรับแต่งเนื้อหาบน Facebook เพื่อเพิ่มจำนวนยอดการเข้าถึงของผู้คน และเปิดการมองเห็นบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ อันที่จริงแล้วการทำ SEO Facebook มีจุดหมายปลายทางคล้ายการทำ SEO แบบดั้งเดิมบน Google เพื่อให้เว็บไซต์มีอันดับที่สูงขึ้น อยู่บริเวณเพจต้น ๆ ทำ SEO ให้ติดหน้าแรก ของหน้าค้นหา
ซึ่งหลักการพื้นฐานของ SEO Facebook จะทำงานร่วมกับอัลกอริทึมของ Facebook เพื่อให้เนื้อหานั้นมีโอกาสแสดงขึ้นหน้าฟีดให้ผู้คนพบเห็นมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งรู้ไหมว่าหากคุณทำ SEO Facebook ได้อย่างมีคุณภาพ เนื้อหาโพสต์หรือรูปภาพ อาจไปแสดงขึ้นตรงช่องเสิร์ชของ Google ด้วยนั่นเอง
ถ้าคุณสนใจเรื่อง SEO Facebook : อย่ามองข้ามบทความนี้ :
จ้างทำ SEO ราคาเท่าไหร่ จริงไหมที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลดี
SEO Facebook ดีต่อธุรกิจอย่างไร
ไม่เพียงการทำ SEO Marketing บน Google เพื่อโอกาสการเติบโตทางธุรกิจของคุณเท่านั้น SEO บน Social Media ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน และมีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง ตามไปดูกัน
เพิ่มยอดการมองเห็น ดันให้โพสต์ของธุรกิจคุณ ส่งไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่สนใจคอนเทนต์ หรือสินค้าได้รวดเร็วขึ้น
ส่งให้แบรนด์มีอันดับที่ดีบน Google หากทำ SEO บน Facebook อย่างเข้าใจ จะส่งผลพลอยได้ให้อันดับเพจของแบรนด์คุณไต่ขึ้นสูงบนหน้าค้นหาของ Google ด้วย
เพิ่มยอดคลิก ข้อนี้สอดคล้องกับการที่กลุ่มเป้าหมายเห็นโพสต์คุณมากขึ้น จึงทำให้มีโอกาสในการคลิกเข้ามาดูเนื้อหาคอนเทนต์บนเพจขึ้นตาม
เพิ่มการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ หรือ ยอด Engagement เช่น การกดไลก์ คอมเมนต์ จนถึงแชร์โพสต์ออกไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
บริการ : ทำ SEO สายขาว ให้ติดหน้าแรกของ Google ด้วยวิธี Organic โฟกัสคุณภาพของเนื้อหา ช่วยทำตั้งแต่การวางรากฐาน พร้อมให้คำปรึกษาฟรี
12 เทคนิคทำ SEO บน Facebook ให้ได้ผลทันใจ
ข่าวดีสำหรับคุณ เมื่อการทำ SEO บน Facebook สามารถทำได้ และสามารถทำได้ง่ายกว่าทำบนเว็บอีกด้วย เนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง Coding ใด ๆ เพียงทำตามลิสต์คำแนะนำของเราให้ครบถ้วนทั้งหมด 12 ข้อ ดังนี้
1.ตั้งชื่อเพจและ user name ให้เหมาะสม
ชื่อในการทำ SEO เป็นสิ่งสำคัญ เพราะโดยส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายจะใช้ชื่อของแบรนด์มาเสิร์ชเพื่อค้นหาสิ่งที่พวกเขาสนใจ นอกจากนี้ชื่อของเพจยังใช้บอกตัวตนของแบรนด์ได้ เช่น การตั้งชื่อแบรนด์และตามด้วยชื่อประเทศ
2.เพิ่ม Keyword สำคัญไปใน URL Vanity
ใช้ URL แบบ Vanity ที่สามารถกำหนดชื่อได้เอง พยายามใส่ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ธุรกิจ หรือสินค้าของคุณเข้าไป โดยลักษณะของ URL ที่ดีต้องมีความสั้นและกระชับ
3.กระจายการใช้ Keyword ให้ทั่วทั้งเพจ
เริ่มต้นจากการใส่คีย์เวิร์ดบริเวณ “เกี่ยวกับฉัน” (About), คำอธิบายของแบรนด์, หัวข้อที่ใช้ทำคอนเทนต์, คำบรรยายภาพ หรือ Hashtag แต่พยายามหลีกเลี่ยงการใช้คีย์เวิร์ดซ้ำ ๆ เยอะเกินไป เพราะ Facebook จะมองว่าเป็นการสแปมคีย์เวิร์ดได้
4.เขียนตรง “เกี่ยวกับเรา” (About) ให้ครอบคลุม
ส่วนสำคัญที่ผู้คนจะพบเห็นข้อความของเพจคุณเป็นสิ่งแรก ๆ นอกจากชื่อเพจแล้ว บริเวณเกี่ยวกับเราก็ต้องมีความชัดเจน โดยอาจใช้รูปแบบการเขียนง่าย ๆ ก่อน แล้วค่อยยกระดับในอนาคต เช่น เราคือใคร, โดดเด่นด้วยสินค้าและบริการประเภทไหน, มีวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมายอย่างไร
5.ทำ Backlinks
การทำ Backlinks บน Facebook จริง ๆ แล้วเทคนิคมีความคล้ายคลึงกับบนเว็บไซต์ เพราะยิ่งเพจหรือแพลตฟอร์มอื่นนำคอนเทนต์จากเพจเพจเราไปอ้างอิง และแปะลิงก์เพจมากเท่าไหร่ เพจก็ยิ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น
6.ทำคอนเทนต์ เน้นคีย์เวิร์ดสำคัญ
เช่นเดียวกับการทำ SEO บน Google หากลองนำคำสำคัญไปเสิร์ชที่ช่องค้นหา จะพบตัวเลขที่แสดงผลขึ้นมาว่ามีคนพูดถึงหรือโพสต์เกี่ยวกับสิ่งนั้นมากเท่าไหร่ เพราะยิ่งตัวเลขสูง ก็เท่ากับว่ามีคนสนใจในเรื่องนั้นมากขึ้นเท่านั้น การใช้คีย์เวิร์ดที่คนค้นหาเยอะ ก็มีโอกาสที่คอนเทนต์ของคุณจะเพิ่มอัตราการมองเห็น
7.มีส่วนร่วมกับแฟนเพจอยู่สม่ำเสมอ
กลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญ คือ มีส่วนร่วมกับเหล่าแฟนเพจของคุณอยู่เสมอ เช่น การกดไลก์แสดงความรู้สึกที่คอมเมนต์ คอมเมนต์ถาม-ตอบ หรือสร้างกิจกรรมบนเพจของคุณให้แฟนเพจเข้ามาเล่นกันมากขึ้น อัลกอริทึมของ Facebook จะมองว่าหากเพจของคุณมีการมีส่วนร่วมอยู่บ่อย ๆ ก็จะส่งผลดีต่อการแสดงโพสต์ขึ้นฟีด
8.อย่าละเลยข้อมูลการติดต่อ
ประตูด่านสำคัญที่จะทำให้แฟนเพจติดต่อคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นความสนใจด้านสินค้า และต้องการข้อมูลเพิ่มเติมให้ชัดเจนขึ้น โดยไม่ผ่านการแชต Messenger แนะว่าให้ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณให้ครบถ้วน เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และเวลาทำการที่ติดต่อได้
9.ตั้งเวลาให้เหมาะสม
เครื่องมือ Facebook มีอยู่มากมาย ที่สามารถตรวจสอบดัชนี หรือช่วงเวลาที่ออนไลน์ของลูกเพจคุณได้ เช่น Fanpage Karma ที่ดูความถี่การโพสต์ เช็กได้ว่าแฟนเพจ จะชอบมา Engage กับโพสต์ในช่วงเวลาไหน กลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มอัตราการเข้ามามีส่วนร่วม ช่วยดันโพสต์ให้ผู้คนมองเห็นได้มากขึ้นกว่าที่เคย
10.ใช้ Alt Text กับทุกรูปภาพบนเพจคุณ
การตั้ง Alt Text ให้กับรูปภาพของคุณ จะช่วยให้ได้เปรียบเวลาค้นหาชื่อแบรนด์คุณใน Google โพสต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ มีโอกาสแสดงขึ้นมาตรงหน้าค้นหารูปภาพของ Google
11.รีวิวจากแฟนเพจ คือ Feedback ที่มีค่า
ไม่ใช่ว่าทุกเพจจะมีรีวิวในเชิงบวกเสมอ สิ่งที่คุณต้องทำ คือ การ Monitor จัดการดูแลเพจอยู่เป็นประจำ และคอยดูความคิดเห็นเชิงลบที่อาจมีขึ้นมา นอกจากนี้การตอบกลับรีวิวของแฟนเพจอย่างรวดเร็ว ยังส่งผลในแง่ของความเป็นมืออาชีพอีกด้วย
12.เพิ่มความน่าสนใจด้วย Location Page
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางแบรนด์ถึงโผล่ขึ้นมาตอนเราค้นหาสถานที่ใกล้ ๆ บน Facebook นั่นเพราะใช้กลยุทธ์ Location Page นั่นเอง ซึ่ง Location Page ก็เหมือนป้ายบอกทางออนไลน์ที่ช่วยให้ลูกค้าหาเจอร้านของคุณได้ง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะมีสาขาเดียว หรือหลายสาขา ก็สามารถใช้ Location Page เพื่อสร้างความโดดเด่นและดึงดูดลูกค้าในพื้นที่ของคุณได้
สรุป
จะเห็นว่าการทำ SEO บน Facebook ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณปรับใช้เทคนิคเหล่านี้ ก็สามารถเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจากการตั้งชื่อเพจและ URL ที่ดี มีการใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และมีส่วนร่วมกับผู้ติดตามอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การมี Location Page ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าหาเจอธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้:
ที่มาของข้อมูล:
Web EX: Facebook Search Engine Optimization
Investopedia: What Is Social Media Optimization (SMO)
Hootsuite: Facebook SEO: 15 Tactics for Better Visibility in 2024
Tactica: Facebook SEO: The Key to Unlocking Your Brand’s Potential
