การแข่งขันของธุรกิจสมัยใหม่ ไม่ควรมองข้ามอัตราการเกิดการกระทำที่เป็นประโยชน์ของธุรกิจ หรือที่เรียกว่า Conversion สิ่งนี้คืออะไร หากคุณยังไม่รู้จัก ยังไม่ได้มีการติดตั้ง ควรศึกษาก่อนในบทความนี้
Conversion คืออะไร
Conversion คือ การวัดจำนวนของการเกิดกิจกรรมใด ๆ บนหน้าเว็บไซต์ของเรา ซึ่งแต่ละคนจะตั้ง Conversion แตกต่างกัน แต่จะมีเป้าหมายเดียวกัน คือ สามารถสร้างคุณค่า สร้างประโยชน์ต่อธุรกิจของเราได้ เช่น กดปุ่มกรอกแบบฟอร์ม, กดปุ่ม Add Line, กดเพิ่มสินค้าลงตะกร้า หรือกดสมัครสมาชิก เป็นต้น ซึ่งสามารถวัดจำนวนครั้งของกิจกรรมเหล่านี้ได้ด้วยการติด Google Tag Manager
หากธุรกิจไหนมีจำนวนของการเกิด Conversion สูง หรือที่เรียกว่า “Conversion Rate” สามารถสะท้อนได้ว่าสินค้ามีความน่าสนใจ รวมถึงการวางลำดับเนื้อหา และโครงสร้างของเว็บมีความถูกต้อง และมักจะเทียบออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น มีคนเข้าเว็บ 1,000 คน มีคนกดปุ่ม Add Line จำนวน 10 คน เท่ากับ Conversion Rate 1% เป็นต้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : Mobile-First คืออะไร สำคัญอย่างไรกับการทำเว็บไซต์
ทำไม Conversion จึงสำคัญ
ทำธุรกิจสมัยใหม่ห้ามมองข้ามผลลัพธ์ และพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ทุกประเภท จะต้องคอย Tracking อยู่ตลอดว่าสิ่งที่เราทำไปส่งผลดีมาก หรือน้อยแค่ไหน เพราะ Conversion มีความสำคัญมากกว่าที่คิด ดังนี้
1. วัดความสำเร็จของธุรกิจ
ความสำคัญอย่างแรก คือ เป็นการวัดว่าธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่มีความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เพียงแค่ผลกำไรเท่านั้น แต่ค่าเปอร์เซ็นต์ของ Conversion ยิ่งสูงเท่าไหร่ ยิ่งเป็นภาพสะท้อนว่าคุณกำลังมาถูกทาง หากพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการทำกำไรมากขึ้นได้
2. วิเคราะห์ปัญหาของธุรกิจ
การขาย Product มีอยู่หลายแบบ หลายราคา และต่างกลุ่มเป้าหมายกัน การตั้ง Conversion สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ว่าขั้นตอนในการขาย หรือหน้าไหนในเว็บไซต์มีปัญหาหรือไม่ เช่น ตั้งค่า Conversion เป็นกดปุ่ม “ชำระเงิน” ผลปรากฏว่า มีจำนวนคนกดสินค้าลงตะกร้าไปแล้วจำนวน 1000 ครั้ง แต่มีคนแค่ 50 คนเท่านั้นที่กดชำระเงิน หรือคิดเป็นเพียง 5% เท่านั้น
จากกรณีดังกล่าวอาจบอกกับคุณได้ว่าขั้นตอนในการชำระเงินมีความยุ่งยากหรือไม่ มีช่องทางในการชำระเงินน้อยเกินไปหรือเปล่า ไปจนถึงปัญหาของผู้ใช้งาน เช่น ใช้งานรูปแบบการชำระเงินไม่เป็น ในส่วนนี้คุณต้องวิเคราะห์เอง หลังจากนั้นจึงหาวิธีแก้เช่น ทำไฟล์ “วิธีการชำระเงิน” หรือเพิ่มระบบ Chat Real-Time เข้ามาในเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทักมาสอบถามข้อมูลได้ เป็นต้น

3. นำไปพัฒนา ADS
หลังจากที่ติด Tracking ไปแล้วข้อมูลที่เราได้มาจะสามารถนำไปผูกใช้กับการทำโฆษณาได้หลายช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางยอดฮิตอย่าง Google ADS และ Facebook ADS ตรงนี้เองจึงเป็นคำตอบที่ว่าเวลาเราสนใจสินค้าอะไร เรากดค้นหาสินค้าประเภทไหนไปแล้ว ไม่นานเราก็จะเห็นโฆษณาของสินค้าประเภทนั้นตามมาหลอกหลอนเรา เทคนิคนี้เรียกว่าการ “Remarketing” ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ หากไม่ได้ติด Tracking ไว้ตั้งแต่แรก
สรุป 6 วิธีเพิ่ม Conversion Rate ให้ธุรกิจของคุณ
เมื่อรู้ว่าสิ่งนี้สำคัญกับธุรกิจของคุณมาก หากต้องการเพิ่ม Conversion Rate สามารถทำได้หลายวิธี โดยเราจะแชร์วิธีให้ ได้แก่
1. ทำ CTA ให้ดี และโดดเด่น
CTA (Call To Action) คือ กลุ่มคำที่กระตุ้นให้เกิดการกระทำใด ๆ ในเว็บไซต์ หรือ APP มือถือ การทำ CTA ให้ดี หมายถึงคำที่ใช้จะต้องดึงดูดผู้ใช้งานได้ การออกแบบปุ่มกดจะต้องดูโดดเด่น และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เห็นได้ง่าย อยู่ในจุดเนื้อหาที่กระตุ้นความรู้สึกให้กดปุ่มได้ดีด้วย CTA ถือเป็นสิ่งที่กระตุ้นการเกิด Conversion ได้มากที่สุด เพราะสองสิ่งนี้มักอยู่ด้วยกันอย่างเลี่ยงไม่ได้

2. ออกแบบเว็บให้ Responsive
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาการออกแบบเว็บไซต์ให้ Responsive ในทุก Device สำคัญมาก เพราะอัตราการท่องเว็บผ่านมือถือมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และมากกว่าการเล่นผ่านหน้าจอ Desktop ไปแล้ว ดังนั้นการออกแบบเนื้อหา การจัดวางปุ่มต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องแสดงผลออกมาดีที่สุดเมื่อเข้าผ่านมือถือ จะช่วยเพิ่มการเกิด Conversion ได้ง่ายขึ้น
3. อย่าปล่อยให้เว็บโหลดเกิน 4 วินาที
เมื่อผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์ไม่ควรรอเกิน 4 วินาที หากหน้าเว็บโหลดช้ากว่านี้จะทำให้เกิดผลเสีย ไม่ใช่แค่จะพลาดอัตราการเกิด Conversion แต่ยังสูญเสียยอด Traffic ในการเข้าเว็บไซต์ด้วย มีการรวบรวมข้อมูลว่าทุก ๆ 1 วินาทีที่เว็บไซต์กำลังโหลด เทียบได้กับสูญเสีย Conversion ประมาณ 7%
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้าเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น เว็บมีขนาดรูปภาพที่ใหญ่เกินไป จากสกุลไฟล์ภาพ JPEG หรือ PNG เป็นต้น หากเลือกใช้ไฟล์สกุล WebP จะส่งผลดีกว่ามาก นอกจากนี้หากเว็บไซต์มีลูกเล่นเยอะ จะทำให้มีการทำงานเบื้องหลังของเว็บมากเกินไป ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เว็บช้าได้เช่นกัน
4. วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการ Tracking
เมื่อมีการ Tracking ข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ใช้งานที่เข้ามาใช้เว็บไซต์ คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ โดยมีเป้าหมายว่าจะต้องมี Conversion Rate เกิดขึ้นมากกว่าเดิมหลังมีการปรับปรุงหน้าเว็บ พฤติกรรมการใช้งานของ Users สามารถนำไปแปลความหมายได้หลายอย่าง ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้ดีว่าผู้ใช้งานในเว็บของคุณชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไรบ้าง วิธีนี้ถือว่าสำคัญมากโดยเฉพาะการทำเว็บไซต์ E-Commerce

5. เพิ่มส่วนของ Blog หรือ Content
การเปิดเว็บไซต์แล้วทำการขาย Product โดยตรง ไม่ได้เป็นข้อดีเสมอไป เพราะผู้ใช้งานอาจต้องการความไว้ใจที่จะซื้อ Product ของคุณ หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้กัน คือ การเพิ่มส่วน Blog หรือการทำบทความ Content ต่าง ๆ ลงในเว็บไซต์ โดยเฉพาะการให้ความรู้ การให้แนวทางแก้ปัญหา สร้างสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน จนผู้ใช้งานเกิดความเชื่อใจในแบรนด์ คุณสามารถเลือกที่จะแทรกแบนเนอร์ หรือข้อความ CTA เพื่อเพิ่ม Conversion Rate ได้เช่นกัน
6. ทำการตลาดในช่องทางที่เหมาะกับแบรนด์
การทำสื่อลงในช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Social Media และเว็บไซต์ เราสามารถดูได้ว่าช่องทางไหนที่มียอดผู้ใช้งานกดปุ่ม CTA หรือช่องทางไหนที่มี Conversion Rate สูงที่สุด ให้คุณนำต้นทุนส่วนมากไปลงทุนในช่องทางนั้นมากที่สุด เช่น พบว่า Conversion เกิดขึ้นมากที่สุดในเว็บไซต์ จากเดิมเคยทำ Google ADS เพียง 30% ให้เพิ่มเป็น 50% เป็นต้น และทำการวัดผลต่อไป
ออกแบบเว็บไซต์ให้ดีช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้ สามารถให้ Launch Platform ช่วยออกแบบเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของคุณได้ เพียงติดต่อปรึกษาเราก่อน รับคำปรึกษาฟรี
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้:
ที่มาข้อมูล : 1, 2