หลังจากที่มีการซื้อ และติดตั้งโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อนำมาอำนวยความสะดวกให้กับการทำงานแล้ว หลังจากการขายจะมีระบบที่เรียกว่า Maintenance Service Agreement (MA) บริการสำคัญที่ติดมากับการซื้อขายซอฟต์แวร์เหล่านี้ด้วย ซึ่ง MA ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับระบบนี้กันว่ามันคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
Maintenance Service Agreement คืออะไร Maintenance Service Agreement (MA) เป็นบริการหลังการขาย ที่คอยดูแล ให้คำปรึกษา และบำรุงรักษาระบบโปรแกรมใช้งานตั้งแต่ Hardware ไปจนถึง Software หรือ Application Software ต่าง ๆ เพื่อให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตลอดเวลา ซึ่งส่วนใหญ่บริการนี้จะถูกแนะนำให้กับบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ หรือบริษัทใช้เครื่องจักรต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังการใช้งาน โดยเฉพาะระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ที่นิยมใช้บริการด้านนี้เพื่อดูแลระบบให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ หรือแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ เป็นต้น
ประมวลผลผิดพลาด (Software Bug)
ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Virus Computer)
ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับอุปกรณ์เครือข่าย (Network Device)
สำหรับการบริการของ MA จะสามารถเปรียบได้เหมือนกับการรับประกัน Application Software ว่าจะสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา ทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่าโปรแกรมที่เสียเงินซื้อมานั้น จะใช้งานได้ และถ้าหากมีความเสียหาย หรือปัญหาเกิดขึ้น ก็จะมีการให้คำปรึกษา และแนะนำกับผู้ใช้งานเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบเครือข่าย ให้ถูกต้อง และปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งอาจก่อปัญหาได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 เหตุผลทำไมต้องทำ Maintenance Service Agreement (MA)
Maintenance Service Agreement มีกี่แบบ การทำ MA สามารถแบ่งออกได้ 2 แบบใหญ่ ๆ คือ การป้องกันระบบเสริมความปลอดภัย และการแก้ไขระบบเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การบำรุงรักษาแบบป้องกัน (Preventive Maintenance) การบำรุงรักษาแบบป้องกัน (Preventive Maintenance) เป็นการบำรุงรักษาที่จะเริ่มดำเนินการเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนดไว้ หรือเมื่อถึงเกณฑ์กำหนด เช่น เมื่อครบจำนวนครั้งของการทำงาน เป็นต้น โดยส่วนมากจะเป็นไปตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์หรือโปรแกรมนั้น ๆ
จุดประสงค์ของการ MA ประเภทนี้ก็เพื่อลดโอกาสขัดข้อง โดยทั่วไปมักจะดำเนินการตามระยะเวลาที่แน่นอน ซึ่งส่วนมากจะเป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิต นอกจากนั้นมักจะเป็นการบำรุงรักษาที่เกิดจากความจำเป็นสำหรับอุปกรณ์บางส่วน ซึ่งเวลาในการบำรุงรักษาแบบป้องกันของอุปกรณ์แต่ละตัวนั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานสภาพแวดล้อมตลอดจนอายุของอุปกรณ์นั้น ๆ
2. การบำรุงรักษาแบบแก้ไข (Corrective Maintenance) การบำรุงรักษาแบบแก้ไข (Corrective Maintenance) เป็นการบำรุงแก้ไขที่จะดำเนินการเมื่ออุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งเกิดขัดข้อง หรือชำรุดเสียหายเท่านั้น โดยการซ่อมแซมก็จะมีทั้งการซ่อมแซมแบบเร่งด่วน และไม่เร่งด่วน
การซ่อมแซมแบบไม่เร่งด่วน: เป็นการซ่อมแซมเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่มีปัญหา แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบในทันที โดยการซ่อมแซมแก้ไขจะถูกดำเนินการภายหลัง เพราะจะมีการเตรียมตัววางแผนล่วงหน้าในเวลาที่เหมาะสมที่สุด
การซ่อมแซมแก้ไขแบบเร่งด่วน: เป็นการซ่อมแซมเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่มีปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบอย่างรุนแรง โดยการซ่อมแซมแก้ไขจะต้องทำในทันที เพื่อให้มีผลกระทบต่อการทำงานของระบบน้อยที่สุด ซึ่งจะต้องใช้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญหลายคน และเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการซ่อมแซมแบบไม่เร่งด่วนที่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้
ระบบ MA เหมาะสำหรับใครบ้าง บริการระบบ MA เหมาะสำหรับบริษัททุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีตั้งแต่ระบบไอที ไปจนถึงระบบโปรแกรมที่ซับซ้อน หรือจะเป็นบริษัทขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ไม่มีทีม IT Developer ประจำองค์กร เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้การทำงานล้วนเกี่ยวข้องกับระบบไอทีทั้งสิ้น แน่นอนว่าหากเกิดปัญหาอาจทำให้กระทบกับงานอย่างแน่นอน โดยปกติแล้วธุรกิจที่เหมาะมากที่สุด คือ ธุรกิจที่มีระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ มีการ ทำเว็บไซต์ โดยจะเป็นการจ้างดูแลระบบจัดการเรื่องความปลอดภัย คอยดูแลเรื่องการใช้งาน ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ เป็นต้น
นอกจากนั้นยังช่วยลดความยุ่งยากในกรณีที่ผู้ใช้มีความจำเป็นเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะได้รับบริการรีโมตเข้าไปติดตั้ง ตรวจสอบ และตั้งค่าที่จำเป็น เพื่อให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และป้องกันความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ หรือระบบ Windows นั่นเอง
VIDEO
ขอบคุณวิดีโอจาก : ITE CHANNEL
ราคาในการจ้างทำ Maintenance Service Agreement โดยทั่วไปจะมีราคาไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการจ้าง ว่าเป็นการจ้างแบบเป็นเฉพาะครั้ง หรือเป็นการจ้างแบบช่วยดูแลระบบหลังบ้านแบบประจำเหมือนพนักงานคนหนึ่ง หากจ้างแบบเป็นครั้ง ราคาในการบริการจะขึ้นอยู่กับปัญหาที่พบเจอในขณะนั้น ว่าแก้ไขได้ยากหรือไม่ หากเป็นการจ้างช่วยในการดูแลระบบ เป็นการรักษาความเสถียรของระบบในรูปแบบรายเดือน จะมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องตามที่ผู้ว่าจ้างตกลงกับผู้ให้บริการทำ MA อย่างไรก็ตามการจ้างประจำมีข้อดีตรงที่ถึงแม้จะเกิดปัญหากับระบบในระดับที่รุนแรง แก้ไขได้ยากก็จะไม่ส่งผลต่อราคาค่าบริการ เพราะได้ถูกเหมาไปแล้ว
เราแนะนำให้คุณจ้างทำ Maintenance Service Agreement ในรูปแบบรายเดือนมากกว่า เนื่องจากความผิดพลาดของระบบสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในช่วงที่เราไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัว กว่าจะติดต่อกับผู้ที่แก้ปัญหาให้ อาจส่งผลกระทบมากกว่าที่คิดได้ จึงดีกว่าหากมีคนคอยจัดการดูแล และติดต่อได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหา ยิ่งถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล คุณยิ่งไม่ควรเสี่ยงโดยเด็ดขาด
เลือกใช้บริการระบบ MA กับ Launch Platform การเลือกบริษัทที่ให้บริการ MA มีความสำคัญมาก โดยเราควรเลือกจากบริษัทที่ให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์พร้อมกับให้บริการ MA ด้วย เพราะว่าบริษัทที่มีการพัฒนาซอฟต์แวร์จะมีความเชี่ยวชาญในด้านซอฟต์แวร์นั้น ๆ มากกว่า รวมไปถึงข้อมูลของลูกค้าที่จำเป็นจะต้องทราบ
Launch Platform มีบริการดูแลระบบ MA ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์เพื่อป้องกันความเสียหายตามตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการเพื่อลดโอกาสขัดข้องหรือการลดลงของสมรรถนะการทำงาน รวมถึงมีพนักงานคอยให้คำปรึกษา และคอยตอบคำถาม โดยจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานของระบบต่าง ๆ บริการได้รวดเร็วสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการดูแลระบบเอง
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้:
ที่มา: 1 , 2