ยังไม่รวมประเด็นของการเป็น Open Sourceที่ทำให้ทีมพัฒนาสามารถพัฒนาต่อได้จากการเชื่อม API ส่งผลให้มีโอกาสที่ DeepSeek จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทยักษ์ใหญ่นั้น จะเลือก AI ตัวไหนมาใช้งานในองค์กรมากกว่ากันครับ
แม้จะใช้ต้นทุนที่น้อยกว่ามาก แต่เราไม่ควรมองข้าม AI ที่เป็นคู่แข่งทางตรงอย่าง ChatGPT เนื่องจากตัวของ ChatGPT เองถือเป็น AI ตัวแรก ๆ ที่เขย่าวงการ และพัฒนาในจุดสูงสุดมาโดยตลอด ปัจจุบันนี้เองมีฟังก์ชันมากมายให้เลือกใช้งาน มีการต่อยอดอย่างต่อเนื่อง การมาของ DeepSeek อาจเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นแนวทางพัฒนาของ AI ตัวอื่น ๆ ในตลาดเพื่อให้มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการพยายามลดต้นทุน และทรัพยากรในการใช้งาน หากเจ้าใหญ่ ๆ โฟกัสจุดนี้ ก็เป็นสิ่งที่น่าสงสัยว่า DeepSeek จะยังยืนหนึ่งได้หรือไม่
3.อาจมี AI ที่เหนือกว่าในอนาคต
ก่อนหน้านี้เรามี ChatGPT ก่อนจะมี AI ตัวอื่นออกมาในรูปแบบเดียวกันจนเต็มตลาดไปหมด แต่ละตัวที่อยู่รอดมาได้ต่างมีจุดเด่นของตัวเองครับ หาก DeepSeek เลือกที่จะเด่นในเรื่องของต้นทุน และความแม่นยำ ก็มีโอกาสที่จะมี AI ตัวใหม่เปิดตัวในทิศทางเดียวกัน และทำได้ดีกว่าในอนาคตเช่นกัน เพราะการค้นพบจากบริษัทเพียง 1 บริษัท จะเป็นแม่แบบในการค้นพบแนวทางอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไปนั่นเองครับ
เรามองอนาคตของ DeepSeek AI เป็นอย่างไร
มีความเป็นไปได้ที่ DeepSeek จะกลายเป็นหนึ่งใน AI ตัวหลักในวงการ แต่ไม่ได้หมายความว่า AI คู่แข่งอื่น ๆ จะถูกลดทอนความสำคัญจนตายหายไปจากตลาดแต่อย่างไร พวกเรามองว่า AI ตัวใหญ่ ๆ ในตอนนี้ถูกพัฒนาโดยทีมมากประสบการณ์อยู่แล้ว ต่อไป AI อื่น ๆ คงโฟกัสในเรื่องของการลดต้นทุน และทรัพยากร ส่งผลให้ AI ทั้งหมดในตลาดสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมีแนวโน้มว่าราคาในการใช้บริการจะพากันลดต่ำลงในอนาคตครับ
สรุป
DeepSeek เป็น AI ที่เปิดตัวมาไม่นาน แต่ด้วยต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำ ทำให้ใช้เงินไม่มาก แต่สามารถสร้างประสิทธิภาพความแม่นยำในการตอบคำถามได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้หลายคนหันมาสนใจอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการพัฒนา AI เป็นเรื่องที่ต้องดูในระยะยาว และความคลุมเครือเรื่องของการใช้ข้อมูล อาจเป็นปัญหาใหญ่ที่เราต้องติดตามกันต่อไปครับ สุดท้ายหากท่านอยากใช้ AI เพื่อพัฒนาการทำงานของธุรกิจคุณ สามารถติดต่อ Launch Platform ให้ช่วยดูแลในเรื่องนี้ได้ครับ