DeepSeek AI คืออะไร กับเหตุผลที่ไม่ง่ายในการจะเป็นที่หนึ่ง
ไม่นานมานี้ DeepSeek เป็น AI ที่เขย่าวงการ ด้วยการเปิดเผยต้นทุนพัฒนาที่ต่ำมากจนน่าตกใจ หากเทียบกับคู่แข่งรายอื่นในตลาด แต่ประสิทธิภาพที่ได้ออกมากลับมีความแม่นยำสูงในการให้ข้อมูลที่ชัดเจน วันนี้ Launch Platform จะพามารู้จัก AI ตัวนี้ แต่ไม่ใช่แค่นั้น เราจะแชร์จุดระวังที่อาจทำให้ AI ตัวนี้ขึ้นสู่อันดับ 1 ได้ยากครับ
กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
DeepSeek AI คืออะไร
DeepSeek คือ AI (Artificial intelligence) ที่พัฒนาขึ้นมาโดยเน้นใช้ในการวิเคราะห์ และตอบคำถามด้วยเหตุผล อีกทั้งยังเป็น Open Source เพื่อนำไปต่อยอดได้อย่างอิสระ โดย AI ตัวนี้ถูกพัฒนาขึ้นจากบริษัทในประเทศจีน ด้วยชื่อโมเดลแรกที่ปล่อยออกมา คือ “DeepSeek-R1” โดยมีจุดเด่นที่สำคัญ คือ ประสิทธิภาพความแม่นยำในการทำงาน ภายใต้การใช้งบประมาณในการพัฒนาที่น้อยกว่า AI ตัวอื่นในตอนนี้
หากคุณสนใจลองใช้งาน DeepSeek คุณสามารถเข้าไปใช้งานได้หลายช่องทาง แต่ต้องทำการสมัครเพื่อเข้าใช้งานแบบฟรี โดยมีช่องทางดังต่อไปนี้
ถ้าคุณสนใจเรื่อง DeepSeek AI : อย่ามองข้ามบทความนี้ :
ทำไม DeepSeek จึงถูกจับตามอง
ในช่วงเวลาไม่นานที่ผ่านมา มีข่าวว่าวงการนักพัฒนา AI ในอเมริกาต้องสั่นสะเทือนจากประสิทธิภาพการทำงานของ DeepSeek โมเดล DeepSeek-R1 จากผลการทดสอบด้านการให้คำตอบที่สำคัญ ผลที่ออกมาเป็นดังนี้
1.ผลการทดสอบคณิตศาสตร์ MATH-500 (EM)
DeepSeek : ได้คะแนน 90.2 คะแนน
Claude-3.5 : ได้คะแนน 78.3 คะแนน
ChatGPT-4o : ได้คะแนน 74.6 คะแนน
2.ผลการทดสอบเขียนโคดเพื่อแก้ปัญหา Codeforces (Percentile)
DeepSeek : ได้คะแนน 51.6 % คะแนน
ChatGPT-4o : ได้คะแนน 23.6% คะแนน
Claude-3.5 : ได้คะแนน 20.3% คะแนน
คุณจะเห็นว่าคะแนนจากการทดสอบการใช้งานที่ต้องเน้น “คำตอบที่ถูกต้องแม่นยำ” ปรากฏว่า DeepSeek ได้รับคะแนนสูงสุด และเหนือกว่า ChatGPT ของ OpenAI อีกด้วย โดยผลการทำงานที่มีประสิทธิภาพขนาดนี้เกิดขึ้นได้จาก “การใช้ต้นทุนในการพัฒนาที่น้อยกว่าอย่างมาก” ส่งผลให้มีราคาต้นทุนในการบริการที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังรองรับภาษาได้มากกว่า 70 ภาษา รวมถึงภาษาไทยด้วย
ยังไม่รวมประเด็นของการเป็น Open Source ที่ทำให้ทีมพัฒนาสามารถพัฒนาต่อได้จากการเชื่อม API ส่งผลให้มีโอกาสที่ DeepSeek จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทยักษ์ใหญ่นั้น จะเลือก AI ตัวไหนมาใช้งานในองค์กรมากกว่ากันครับ
หากคุณสนใจใช้งาน API สามารถศึกษาเกี่ยวกับราคา และรายละเอียดได้จากหน้าเว็บไซต์ทางการของ DeepSeek ที่ Link นี้ : https://api-docs.deepseek.com/quick_start/pricing
ขอบคุณวิดีโอจาก : ดร.อธิป อัศวานันท์
DeepSeek VS ChatGPT
หากเทียบประสิทธิภาพในตอนนี้ DeepSeek ถือเป็น AI ที่มีประสิทธิภาพในการตอบคำถามที่แม่นยำกว่าอย่างชัดเจน ภายใต้ทรัพยากรที่น้อยกว่า ต้นทุนที่น้อยกว่า และหากเทียบอัตราค่าบริการที่คิดเป็นต้นทุนแน่นอนว่าต้องน้อยกว่า ChatGPT อย่างแน่นอน ดังนี้
1.ต้นทุนการตั้งคำถามต่อ 1 ล้านโทเค็น
DeepSeek : ประมาณ 0.55 USD
ChatGPT-4o : ประมาณ 2.50 USD
สรุป : DeepSeek มีต้นทุนถูกกว่าในการตั้งคำถาม 78%
2.ต้นทุนการตอบคำถามต่อ 1 ล้านโทเค็น
DeepSeek : ประมาณ 2.19 USD
ChatGPT-4o : ประมาณ 10 USD
สรุป : DeepSeek มีต้นทุนถูกกว่าในการตอบคำถาม 78.1%
ด้วยเหตุผลทั้งการตอบที่แม่นยำที่สุดตอนนี้ และต้นทุนที่น้อยมาก ทำให้ DeepSeek โดดเด่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วนั่นเองครับ แต่ในอนาคตทางพวกเรา Launch Platform มองว่าเกมยังมีโอกาสพลิกได้อีก ด้วยเหตุผลหลายอย่างในหัวข้อถัดไป
OpenAI พูดถึง DeepSeek อย่างไร
ทางด้านของ Sam Altman ได้กล่าวถึง DeepSeek เอาไว้ว่าเขาประทับใจมากกับความสำเร็จที่ DeepSeek AI สามารถทำได้ในเวลานี้ ด้วยการลดต้นทุนการพัฒนาให้น้อยลงอย่างมาก ตัวของเขาเชื่อว่าการมีคู่แข่งที่แข็งแรง และมีแนวทางด้านนี้ส่งผลให้การพัฒนา AI เป็นไปด้วยความตื่นเต้น Sam Altman ยังกล่าวต่อว่าสำหรับ OpenAI เองก็มีการพัฒนาโมเดลเพิ่มในตอนนี้ และมั่นใจว่าสิ่งที่ทีมของเขากำลังทำอยู่จะต้องมีประสิทธิภาพมากกว่า DeepSeek อย่างแน่นอน
3 ประเด็นที่อาจทำให้ DeepSeek AI ไปไม่ถึงฝัน
เราไม่อาจมองแค่จุดเด่นที่หลายคนสนใจเท่านั้น เรายังต้องคอยสังเกตเรื่องอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อ AI ตัวนี้ในอนาคต และอาจเป็นตัวตัดสินว่า DeepSeek จะไปได้ไกลแค่ไหนในระยะยาว ได้แก่
1.ความน่าเชื่อถือของการใช้ข้อมูลที่ยังคลุมเครือ
เนื่องจาก DeepSeek เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาขึ้นมาในประเทศจีน ทำให้มีหลายฝ่ายยังคงกังวลเกี่ยวกับประเด็นการใช้ข้อมูล เช่นเดียวกับ TikTok นั่นเอง เนื่องจากแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในประเทศจีน มักนำข้อมูลของผู้ใช้งานที่ถูกบันทึกนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์หลายอย่าง ยิ่งถ้าเป็น AI ที่ปัจจุบันสำคัญมากในธุรกิจ และตอนนี้ DeepSeek กำลังเป็นที่สนใจ ทำให้มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก เรื่องของความปลอดภัย และการใช้ข้อมูลยังคงคลุมเครืออยู่ ซึ่งจุดนี้อาจเป็นจุดอ่อนที่ AI ตัวอื่นสามารถเอาชนะได้ครับ
2.เกมการแข่งขันด้านการพัฒนาในระยะยาว
แม้จะใช้ต้นทุนที่น้อยกว่ามาก แต่เราไม่ควรมองข้าม AI ที่เป็นคู่แข่งทางตรงอย่าง ChatGPT เนื่องจากตัวของ ChatGPT เองถือเป็น AI ตัวแรก ๆ ที่เขย่าวงการ และพัฒนาในจุดสูงสุดมาโดยตลอด ปัจจุบันนี้เองมีฟังก์ชันมากมายให้เลือกใช้งาน มีการต่อยอดอย่างต่อเนื่อง การมาของ DeepSeek อาจเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นแนวทางพัฒนาของ AI ตัวอื่น ๆ ในตลาดเพื่อให้มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการพยายามลดต้นทุน และทรัพยากรในการใช้งาน หากเจ้าใหญ่ ๆ โฟกัสจุดนี้ ก็เป็นสิ่งที่น่าสงสัยว่า DeepSeek จะยังยืนหนึ่งได้หรือไม่
3.อาจมี AI ที่เหนือกว่าในอนาคต
ก่อนหน้านี้เรามี ChatGPT ก่อนจะมี AI ตัวอื่นออกมาในรูปแบบเดียวกันจนเต็มตลาดไปหมด แต่ละตัวที่อยู่รอดมาได้ต่างมีจุดเด่นของตัวเองครับ หาก DeepSeek เลือกที่จะเด่นในเรื่องของต้นทุน และความแม่นยำ ก็มีโอกาสที่จะมี AI ตัวใหม่เปิดตัวในทิศทางเดียวกัน และทำได้ดีกว่าในอนาคตเช่นกัน เพราะการค้นพบจากบริษัทเพียง 1 บริษัท จะเป็นแม่แบบในการค้นพบแนวทางอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไปนั่นเองครับ
เรามองอนาคตของ DeepSeek AI เป็นอย่างไร
มีความเป็นไปได้ที่ DeepSeek จะกลายเป็นหนึ่งใน AI ตัวหลักในวงการ แต่ไม่ได้หมายความว่า AI คู่แข่งอื่น ๆ จะถูกลดทอนความสำคัญจนตายหายไปจากตลาดแต่อย่างไร พวกเรามองว่า AI ตัวใหญ่ ๆ ในตอนนี้ถูกพัฒนาโดยทีมมากประสบการณ์อยู่แล้ว ต่อไป AI อื่น ๆ คงโฟกัสในเรื่องของการลดต้นทุน และทรัพยากร ส่งผลให้ AI ทั้งหมดในตลาดสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมีแนวโน้มว่าราคาในการใช้บริการจะพากันลดต่ำลงในอนาคตครับ
สรุป
DeepSeek เป็น AI ที่เปิดตัวมาไม่นาน แต่ด้วยต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำ ทำให้ใช้เงินไม่มาก แต่สามารถสร้างประสิทธิภาพความแม่นยำในการตอบคำถามได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้หลายคนหันมาสนใจอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการพัฒนา AI เป็นเรื่องที่ต้องดูในระยะยาว และความคลุมเครือเรื่องของการใช้ข้อมูล อาจเป็นปัญหาใหญ่ที่เราต้องติดตามกันต่อไปครับ สุดท้ายหากท่านอยากใช้ AI เพื่อพัฒนาการทำงานของธุรกิจคุณ สามารถติดต่อ Launch Platform ให้ช่วยดูแลในเรื่องนี้ได้ครับ
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้:
ที่มาข้อมูล :