DEVELOP WEBSITE & MOBILE APPLICATION PLATFORMS FOR ALL

ยุคนี้ AI กำลังมาแรง พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ใครที่ไม่ปรับตัวอาจตกเทรนด์ และเสียโอกาสในการแข่งขันด้านธุรกิจได้ AI คืออะไร ทำไม่จึงสำคัญต่อการทำงาน Launch Platform จะอธิบายให้ฟังแบบให้เข้าใจได้ง่าย และเป็นเนื้อหาแบบภาพรวมพื้นฐานที่เหมาะสมกับมือใหม่ในวงการนี้ จะเกี่ยวกับอะไรบ้างมาดูกันครับ

กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

AI คืออะไร

AI ย่อมาจาก Artificial intelligence หรือที่เราเรียกว่า “ปัญญาประดิษฐ์” คือเทคโนโลยีที่มีความสำคัญอย่างมากในยุคนี้ มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็ว มีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูง โดยยึดจากฐานข้อมูลที่เรียนรู้มา หรือที่เรียกว่า “Machine Learning” โดยข้อมูลที่ได้มาขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้งานจะนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในด้านไหน และเพื่ออะไร

บทความที่เกี่ยวข้อง : ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คืออะไร ตัวอย่างการใช้งานในบริษัทระดับโลก

ขอบคุณวิดีโอจาก : Data Innovation and Governance Institute, DIGI

5 ประเภท Artificial intelligence

เมื่อพูดถึงประเภทของ AI เองก็มีหลายประเภท ซึ่งจัดจำแนกตามรูปแบบการวิเคราะห์ของข้อมูลตามจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

1. Machine Learning (ML)

ML เป็นการเรียนรู้ของ AI ในแต่ละชุดข้อมูล ก่อนที่จะนำมาวิเคราะห์สรุปผลในเวลาที่รวดเร็ว และสื่อสารข้อมูลออกมาได้ด้วยตนเอง เปรียบเหมือนการที่เราให้ AI ไปศึกษาเล่าเรียนเพื่อนำข้อมูลกลับมาบอกเรา เพียงแต่จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง

2. Computer Vision

เป็นการประมวลผลของระบบการทำงานคอมพิวเตอร์ โดยมุ่งเน้นการศึกษาข้อมูล เพื่อแยกเยอะวัตถุต่าง ๆ รวมถึงรูปร่าง และลักษณะอื่น ๆ ที่มีความแตกต่างกันจากภาพนั้น ๆ

3. Deep Learning

เป็น AI ที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากการใช้ Neural Network หรือ เครือข่ายประสาทเทียม โดยขั้นตอนการวิเคราะห์จะเป็นการจำแนกข้อมูล และนำข้อมูลมาทำนายในเชิงซับซ้อน เพื่อให้ได้ชุดข้อมูลตามที่ต้องการ

4. Robotics

เป็นชนิดของระบบ AI ที่มีจุดประสงค์เพื่อนำมาสร้างหุ่นยนต์โดยเฉพาะ เพื่อนำหุ่นยนต์ไปใช้ในธุรกิจด้านต่าง ๆ เช่น งานด้านการแพทย์ หรืองานอุตสาหกรรม เป็นต้น

5. NLP

Natural Language Processing หรือ NLP เป็นรูปแบบการทำงานของ AI ที่รับภาษาการสื่อสารของมนุษย์ จากนั้นนำมาประมวลผลให้เป็นภาษาที่ AI หรือคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้

ai ความหมาย

ประโยชน์ของ AI คืออะไร

การใช้เทคโนโลยีประเภทนี้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำงานบางส่วน สามารถส่งผลดีได้กว่าที่คิด หากรู้จักใช้งานอย่างเหมาะสม และใช้งานได้ในเชิงลึก เพื่อเข้าถึงประสิทธิภาพสูงสุดของเหล่า AI ประโยชน์ที่ได้มีดังนี้

  • ประหยัดเวลาในการทำงาน : การใช้ AI ช่วยในการทำงาน โดยเฉพาะการรวบรวมข้อมูล สามารถทำให้ระยะเวลาที่เราต้องไปรวบรวมข้อมูลเองลดน้อยลง และเอาเวลาที่เหลือไปใช้การทำงานในขั้นตอนต่อไปได้

  • ลดความผิดพลาดของการทำงาน : การให้มนุษย์ทำงานอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ หรือที่เราเรียกกันว่า “Human error” แต่ระบบ AI จะประมวลข้อมูลออกมาตามค่าสถิติที่มี และเป็นการคำนวณจากคอมพิวเตอร์ที่มีความแม่นยำ

  • สามารถใช้งานได้ทุกเวลา : การใช้งาน AI สามารถใช้งานได้ทุกเวลาตามที่เราต้องการ แม้จะไม่ใช่เวลางาน ถือว่าเป็นขีดจำกัดที่มากกว่าการทำงานของมนุษย์ด้านหนึ่งเช่นกัน

  • มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา : โดยปกติแล้วการทำงานของปัญญาประดิษฐ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการใช้งานของเราในแต่ละครั้ง ระบบจะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ทำให้มีการอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ และเป็นการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง แทบจะตลอดเวลา ตามขนาดข้อมูลที่มีการทดสอบไป ส่งผลให้การใช้งานของเราได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะยาว

  • ค่าใช้จ่ายไม่สูง : การทำงานบางอย่าง หากเลือกใช้ AI อาจใช้ต้นทุนน้อยกว่าการจ่ายเงินเดือนให้กับมนุษย์ โดยเฉพาะงานที่เป็นลูทีน ทำเหมือนเดิมตลอดเวลา การจ่ายเงินเดือนหลักหมื่นต้น ๆ ให้กับมนุษย์หลายคน อาจดีกว่าหากเลือกมาใช้ AI ช่วยจัดการในราคาที่ไม่สูงเท่า และใช้งานได้ในระยะยาว รวมถึงอัปเดตข้อมูลให้พัฒนาขึ้นได้ด้วย 

AI เข้ามาเกี่ยวข้องกับคุณอย่างไรบ้าง

ที่เห็นได้เด่นชัดที่สุด คือ เรื่องของการนำมาใช้ทำงานครับ เช่น ChatGPT หรือ Gemini ที่ถูกนำมาใช้สำหรับการช่วยวิเคราะห์ และหาคำตอบ เป็นต้น ทั้งนี้การเลือกใช้ AI เข้ามาช่วยงานขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการให้ AI เข้ามาช่วยงานในด้านไหนบ้าง

นอกจากการนำมาใช้งานในการทำงานทั่วไปแล้ว เรายังสามารถใช้ AI ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการทำสิ่งต่าง ๆ จริง ๆ แล้ว AI อยู่รอบตัวเรามากกว่าที่เราคิด เช่น ระบบของรถยนต์, ระบบของเว็บไซต์ Streaming ไปจนถึงการแนะนำวิดีโอของ YouTube เป็นต้น ดังนั้นการปรับตัว และเรียนรู้เกี่ยวกับ AI จึงสำคัญมาก และจะยิ่งสำคัญมากขึ้นอีกในอนาคต

AI สามารถทดแทนมนุษย์ได้ไหม

หลายคนอาจมีความกังวลว่าการที่ปัญญาประดิษฐ์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หลายตัวมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง จะทำให้ AI เข้ามาทดแทนการทำงานของมนุษย์หรือไม่ คำตอบ คือ ได้แต่ไม่ทั้งหมด การใช้เทคโนโลยีชนิดนี้เข้ามาทดแทน สามารถทำได้แค่บางส่วนเท่านั้น เช่น การทำงานที่เป็นลูทีนต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรือการวิเคราะห์ข้อมูลบางส่วนที่ไม่ได้ลึกมาก เป็นต้น

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังมีการคิดค้น AI เกี่ยวกับการวาดภาพออกมา จึงทำให้เกิดการถกเถียงกันในแง่ความเหมาะสม เพราะ AI ต้องไปเรียนรู้จากภาพต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ที่อาจมีลิขสิทธิ์ แต่ถ้าหากมีการพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ในอนาคตแม้งานที่ต้องใช้ความสร้างสรรค์ ก็มีโอกาสจะถูกแทนที่ได้เช่นกัน

ai กับการทำงานร่วมกันกับมนุษย์ และการผลักดันธุรกิจ

AI กับการขับเคลื่อนแนวทางของประเทศไทยมากแค่ไหน

เมื่อ AI ในปี 2025 อยู่รอบตัวของเรา แน่นอนว่าจะต้องส่งผลต่อประเทศไทยอย่างแน่นอนครับ ทั้งในภาคของอุตสาหกรรม หรือภาคของการเกษตร เป็นต้น จะเห็นได้ว่ามีการนำระบบอัตโนมัติต่าง ๆ เข้ามาช่วยทำงานมากขึ้น และมีการลดกำลังของมนุษย์ลง โดยเฉพาะส่วนของงานที่ทำเป็นแพตเทิร์นเดิม ๆ ครับ

สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ คือ โอกาสที่คนที่อยู่ในสายงานโรงงานจะมีโอกาสตกงานมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการมีทางเลือกอื่นที่ส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว จากการลงทุนในระบบ AI ลงทุนในเครื่องจักรที่อาจต้องจ่ายแพงในช่วงเริ่มต้น แต่จะลดกำลังคนได้หลายร้อยคน เป็นต้น สิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่สังคมไทยจะเลี่ยงได้ยากครับ

AI กำลังสำคัญในการผลักดันธุรกิจรายย่อย

เมื่องานหลายด้านทั้งด้าน Data ด้านการวิเคราะห์ และการหาข้อมูลที่รวดเร็ว ไปจนถึงการจัดการเรื่องของ Coding เป็นสิ่งที่หลายคนสามารถเข้าถึงได้ เพียงแค่จ่ายค่าเครื่องมือ AI รายเดือนเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะราคาเพียงหลักร้อยจนถึงหลักพันต้น ๆ เท่านั้น เท่ากับว่าคนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจที่มีความกังวลเรื่องของต้นทุนในการจ้างพนักงานจะได้รับการแก้ปัญหาจุดนี้อย่างชัดเจน เพียงเปลี่ยนจากเงินเดือนพนักงานที่ต้องแบกรับหลักหมื่น นำมาจัดแจงให้เป็นค่า AI ให้ได้มากที่สุด

ซึ่งถ้าเทียบกับการจ้างพนักงานแต่ละคน 20,000 บาทต่อเดือน ต้องจ้าง 3 คนเทียบเท่ากับค่าใช้จ่าย 60000 บาทต่อเดือน การนำเงิน 10,000 บาทมาจ้าง AI ทดแทนการทำงานในบางส่วน อาจช่วยลดจำนวนพนักงานได้ ถ้าลดได้เพียง 1 คนก็ถือว่าธุรกิจที่เรายกตัวอย่างมาได้ประโยชน์สุด ๆ แล้วครับ ส่งผลให้ธุรกิจใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นมาทางอยู่รอดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่างไรก็ตามทุกคนสามารถเข้าถึง AI ได้ง่าย แถมยังมี AI ที่ใช้ฟรีอีกด้วย จึงขึ้นอยู่กับการปรับตัวของแต่ละคนด้วยว่า จะใช้งาน AI ได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน และมีแผนในการทำธุรกิจเป็นอย่างไรครับ

งานแบบไหนที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้

สำหรับสายงานที่ถูกทดแทนได้ยาก มีแนวทางการทำงานที่เหมือนกันอย่างชัดเจน คือ งานนั้นเป็นงานเชิงปฏิสัมพันธ์กับคนด้วยกันทั้งงานด้านบุคคล, การเดินทางไปขายงาน (Sale) และการไปจัด Event เป็นต้น ส่วนอาชีพที่เกี่ยวกับ AI ในสายงานไหนบ้างที่จะยังไปต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากปรับตัวได้ถูกต้อง ดังนี้

1. งานที่เกี่ยวกับบุคคล

เป็นงานที่ต้องใช้การปฏิสัมพันธ์ต่อตัวบุคคลเป็นหลัก เช่น งานด้าน HR (Human Resources) เพราะงานในสายนี้ต้องมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวบุคคลทั้งศักยภาพ, อุปนิสัย และรูปแบบการทำงาน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต้องพึ่งการสังเกตจากมนุษย์มากกว่าที่จะใช้ AI ทำแทน

2. งานด้าน Sale

การนำเสนอขายสินค้าในปัจจุบันยังต้องทำด้วยตัวบุคคลเท่านั้น ไม่สามารถใช้ AI ไปขายงานลูกค้าแทนได้ แต่ผลงานที่นำไปขาย หรือการออกแบบงานที่จะนำไปขาย สามารถใช้ AI มีส่วนร่วมในชิ้นงานเหล่านั้นได้

3. งานจัด Event

การออกไปจัดงานจัด Event หรือที่เราเรียกว่างาน Offline เหล่านี้ ยังต้องใช้มนุษย์ทำงานอยู่ เพราะต้องมีการสื่อสาร การพูดคุยที่คล่องแคล่ว เข้าใจตัวสินค้าที่นำไปขาย หรือเข้าใจกิจกรรมอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามแนวทางการทำการตลาดแบบการจัด Event ไม่ได้เป็นที่นิยมมากเหมือนแต่ก่อนในยุคนี้

จริยธรรมด้านการทำงานของ AI และสายงานทีน่าสนใจ

4. งานด้านกฎหมาย

การทำงานเกี่ยวกับกฎหมายไม่สามารถใช้ AI เข้ามาทำงานแทนได้ เนื่องจากต้องมีการวิเคราะห์ในเชิงมนุษย์เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นทนายความ หรืออัยการ เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องมีส่วนของการเจรจา การต่อรอง ไปจนถึงการตอบโต้กันในแต่ละฝ่าย

5. งานด้านจิตวิทยา

เหตุผลที่งานด้านนี้ต้องใช้คนทำเท่านั้น คล้ายกับงานอื่น ๆ คือ เป็นงานที่เกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึก การมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างบุคคล สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งหนึ่งที่ AI ไม่สามารถทำแทนมนุษย์ได้ แม้ว่าจะมีการพยายามพัฒนา AI ให้มีความคิด ความรู้สึกคล้ายมนุษย์ก็ตาม

6. งานที่ต้องควบคุม AI

นับว่าเป็นสายงานที่ถูกแทนที่ได้ยากที่สุดเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่า AI จะเข้ามาแทนที่สายงานอื่นแค่ไหน สามารถพัฒนาตนเองได้มากแค่ไหน คนที่ต้องดูแลขอบเขตของ AI ยิ่งสำคัญ เพื่อไม่ให้การพัฒนาเป็นไปในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น  นักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Systems Analysts) เป็นต้น

ประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรมในการใช้ AI

หลังจาก Artificial intelligence กำเนิดขึ้น ในระยะเริ่มแรกได้มีการถกเถียงกันอย่างรุนแรงในเรื่องของจริยธรรม และลิขสิทธิ์ผลงานต่าง ๆ โดยเฉพาะ AI ที่ใช้สร้างรูปภาพ และช่วยตอบคำถามครับ เนื่องจาก AI เรียนรู้ข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ จนมีประเด็นเกี่ยวกับสร้างคำตอบ และรูปภาพโดยอิงต้นแบบมาจากลิขสิทธิ์ทางปัญหา และการตอบคำถามที่อาจไปตอบในหัวข้อที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

ทั้งนี้ในเรื่องของประเด็นจริยธรรม เราต้องขอบอกว่าเป็นเรื่องของทีมพัฒนา AI ตัวนั้น ๆ ครับ เนื่องจากการเรียนรู้จนถึงการตอบคำถามของ AI จะดำเนินการตามขอบเขต และการควบคุมจากทีมพัฒนา หากควบคุมได้ดีพอ เราก็สามารถมั่นใจได้ว่าคำตอบที่ออกมาจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และถูกใช้ในทางที่ถูกอย่างแน่นอนครับ

สรุป

อย่างไรก็ตามเทรนด์ AI ในตอนนี้มาแรงมาก แม้จะมีข้อถกเถียงกัน แต่การพัฒนา AI ยังคงเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอเพียงระยะเวลา 1 ปีอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก ดังนั้นจะดีที่สุดหากเราสามารถเรียนรู้ และปรับตัวนำ AI มาใช้กับธุรกิจของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ Launch Platform ดูแลในส่วนนี้ครับ

เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้:

ที่มาของข้อมูล:

  1. IBM : What is artificial intelligence (AI)?

  2. MIT Technology Review : What’s next for AI in 2025


01 Aug 2024
Tags :



Writer
LAUNCHPLATFORM
Content Writer

บทความแนะนำที่เกี่ยวกับบริการ