หน้าเว็บขายของออนไลน์ ทำยากไหม ต้องมีอะไรบ้าง
ธุรกิจออนไลน์ขับเคลื่อนด้วยการทำหน้าเว็บขายของออนไลน์ ที่ไม่สามารถขาดได้ การสร้างเว็บแบบนี้ยากสำหรับมือใหม่ และต้ององค์ประกอบสำคัญหลายอย่าง จะทำอย่างไรให้หน้าเว็บออกมาดีที่สุด เราอยากให้คุณหาคำตอบในบทความนี้
สร้างหน้าเว็บขายของออนไลน์ยากไหม
หากคุณทำธุรกิจอยู่ และต้องการที่จะสร้างเว็บไซต์โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ในการขายของออนไลน์ คือ สามารถซื้อขายสินค้าได้บนเว็บไซต์ได้อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่กดสินค้าใส่ตะกร้าไปจนถึงการจ่ายเงิน และการติดตามการขนส่งสินค้า สำหรับมือใหม่ที่ต้องการทำเอง เราต้องบอกตรง ๆ ว่า “ยากแน่นอน” เพราะการทำเว็บชนิดนี้แม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์ก็อาจเจอปัญหาในการพัฒนาเว็บหลายอย่าง
นอกจากจะให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำเว็บระดับสูง (Web Developer) ช่วยทำให้ จึงจะสามารถทำเว็บขายของออนไลน์ออกมาได้ดี และมีประสิทธิภาพที่สุด ถึงแม้ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้าง ไม่เหมือนทำด้วยตนเอง แต่คุณจะมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ที่คุณจะได้รับ สามารถตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้แน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง : ตอบข้อสงสัย ทำเว็บไซต์ราคาเท่าไหร่ ปี 2024 ใช้ทุนแค่ไหน?
สาเหตุที่ทำให้การทำหน้าเว็บขายของออนไลน์มีความยาก คืออะไร
โดยทั่วไปแล้วหากทำเว็บไซต์ขายของเอง สำหรับมือใหม่คงหนีไม่พ้นการใช้งานเว็บสำเร็จรูป เช่น WordPress หรือ Wix แต่โดยทั่วไปเว็บเหล่านี้จะมีจุดเด่นที่ต่างกัน คือ WordPress เน้นการเขียนบทความ ในขณะที่ Wix เน้นการแสดงผลในรูปแบบรูปภาพได้ดี โดยการใช้งานเว็บเหล่านี้ทำหน้าเว็บขายของออนไลน์ได้ยากสำหรับมือใหม่เกิดจากสิ่งที่เรียกว่า “Plug-in” นั่นเอง
ทำไม Plug-in ถึงเป็นสิ่งที่ยากสำหรับมือใหม่ ทั้ง ๆ ที่เรามักรู้ดีว่ามันก็แค่การโหลดลงเว็บติดตั้งและใช้งาน แต่การทำหน้าเว็บขายของออนไลน์จะแตกต่างออกไป เพราะตัว Plug-in ที่นิยมนำมาใช้นั้น มีความซับซ้อนมากกว่า Plug-in ชนิดอื่น ๆ มาก หากใช้ครั้งแรกอาจกลายเป็นเครื่องมือที่เหมือนเขาวงกตเลยทีเดียว โดย Plug-in ที่คุ้นชินกัน ตัวอย่างเช่น
WordPress : มักจะใช้งานผ่าน WooCommerce ที่ช่วยจัดการตัวสินค้า ลงรายละเอียด ไปจนถึงขั้นตอน และการจ่ายเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องเกิดจากการตั้งค่าด้วยตัวของเราเอง ร่วมกับการออกแบบเว็บแต่ละหน้าขั้นตอน นอกจากความซับซ้อนแล้วตัว WooCommerce ยังออกแบบ UX/UI ออกมาให้ใช้งานได้ยากอีกด้วย
Wix : มักจะใช้งานผ่าน Wix Stores คุณสมบัติไม่ต่างจาก WooCommerce แต่มีข้อดีกว่าตรงที่ออกแบบ UX/UI ให้ใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ อย่างไรก็ตามขั้นตอนในการตั้งค่าเริ่มแรกก็ถือว่าต้องทำหลายขั้นตอนกว่าจะทำให้ระบบขั้นตอนการสั่งซื้อสมบูรณ์
นอกจากตัวของ Plug-in จัดการระบบหน้าเว็บขายของแล้ว ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้มือใหม่ต้องปวดหัว คือ การชำระเงินภายในเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันทำได้ยาก หากไม่พึ่งเครื่องมือภายนอกเข้ามาช่วย และการติดตั้งเครื่องมือภายนอกนี้เอง ที่ทำให้ขั้นตอนอาจยุ่งยากกว่าที่คิด
ปัญหาเรื่องการชำระเงินบนน้าเว็บขายของออนไลน์
การชำระเงินบนหน้าเว็บไซต์ได้เลยไม่ใช่เรื่องง่าย หากคุณไม่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือภายนอกมาเชื่อมกับเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่า API โดยเครื่องมือภายนอกจะถูกพัฒนาเพื่อตอบโจทย์หลาย ๆ อย่าง สำหรับการขายของออนไลน์ จะต้องใช้ API เกี่ยวกับการชำระเงินด้วยการสแกน QR Code เป็นต้น ซึ่งมีหลายผู้ให้บริการที่สามารถเลือกใช้ตามท้องตลาดได้ แต่จะต้องเสียเงินในการเชื่อมเข้ากับเว็บไซต์ ในขณะที่หลายเจ้าจะเชื่อมได้ฟรี แต่จะมีการหักเปอร์เซ็นต์เมื่อลูกค้าสแกนจ่ายเงินสินค้าของเรานั่นเอง
ไม่ติดตั้ง API ช่วยในการจ่ายเงินสินค้าออนไลน์ได้ไหม
เราเชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าอาจไม่อยากเสียเปอร์เซ็นต์กำไรของตนเอง จึงเกิดคำถามว่าหากไม่ติดตั้ง API จะทำให้ลูกค้าสามารถชำระเงินบนเว็บไซต์ได้ไหม คำตอบ คือ ได้แน่นอน แต่ขั้นตอนจะยุ่งยากทั้งสำหรับผู้ซื้อ และผู้ขายพอสมควร
เพราะระบบพื้นฐานบนเว็บสำเร็จรูป มักจะให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีที่เราตั้งค่าเอาไว้ จากนั้นลูกค้าจ้องเซฟสลิปหลักฐานการโอนเงิน มาอัปโหลดลงในขั้นตอนยืนยันการโอน และเราที่เป็นเจ้าของหน้าเว็บขายสินค้า ต้องเข้าไปตรวจสอบตามการแจ้งเตือนอีเมล ว่ามีการแนบสลิปเรียบร้อยหรือไม่ จากนั้นจึงทำการยืนยัน และอัปเดตสถานะให้เป็นรอส่งสินค้า เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเพราะขั้นตอนเหล่านี้ หลายคนจึงเลือกที่จะติดตั้ง API เพื่อให้การจ่ายเงินเข้าระบบ และลดขั้นตอนในการตรวจสอบด้วยตนเองไปได้มากนั่นเอง
หน้าเว็บขายของออนไลน์ที่ดีต้องมีอะไรบ้าง
พัฒนาหน้าเว็บที่เอาไว้ใช้ขายของออนไลน์ มีองค์ประกอบสำคัญพื้นฐานที่ไม่ควรขาด เรารวบรวมเช็กลิสต์เอาไว้ให้ทั้งหมด 6 ข้อ ได้แก่
1. รูปสินค้าที่ถูกจัดหมวดหมู่เป็นอย่างดี
การจัดหมวดหมู่สินค้าเป็น Category ให้ชัดเจน เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าภายในหน้าเว็บขายของออนไลน์ได้สะดวกมากขึ้น ลูกค้าจะรู้ได้เองว่าหากต้องการหาสินค้าชนิดหนึ่ง ควรไปกดเลือกดูที่ไหน แน่นอนว่าหน้าเว็บจะต้องใส่เมนูหมวดหมู่ให้เห็นง่าย และใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อนด้วย
2. มีช่องค้นหา Keyword สินค้าทุกหน้าเว็บ
การใส่ช่องค้นหาสำหรับหน้าเว็บขายของออนไลน์ทุกหน้าสำคัญมาก เพราะลูกค้าบางคนอาจไม่ต้องการที่จะไปเลือกหมวดหมู่เอง อีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือ การทำเครื่องมือช่องค้นหาขึ้นมา เพื่อให้สามารถพิมพ์ Keyword สินค้า และเลือกดูได้เลยนั่นเอง
3. แบนเนอร์สำหรับโปรโมชัน
ส่วนหัวของเว็บไซต์ควรมีพื้นที่แบนเนอร์สำหรับใช้ลงโปรโมชันให้กับลูกค้า ซึ่งควรเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าเข้ามาเห็นนั่นเอง เราแนะนำให้ส่วนแบนเนอร์อาจออกแบบมาให้เป็นสไลด์ เพื่อที่จะสามารถลงโปรโมชันได้หลายอัน หรือใช้แสดงแนะนำสินค้าที่ขายดีของเราด้วย
4. พื้นที่สินค้าแนะนำ หรือสินค้าขายดี
นอกจากคุณจะเอาสินค้าขายดีไปใส่ในพื้นที่แบนเนอร์ได้ คุณยังควรนำสินค้าเหล่านี้มาจัดแสดงไว้ในหน้าเว็บได้ด้วย เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นว่าสินค้าตัวไหนที่น่าสนใจเป็นพิเศษ น่าซื้อ น่าลอง หรือจะปรับพื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่แสดงสินค้าที่ออกใหม่ก็ยังได้เช่นกัน
5. วิธีขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์บนหน้าเว็บไซต์
การทำรูปภาพ หรือคลิปวิดีโอในการสอนขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ อาจถูกมองว่าเสียเวลา หรือไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แต่ด้วยการใช้งานที่แตกต่างกันของเว็บไซต์ และเพื่อแสดงความใส่ใจลูกค้า ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะไม่สามารถขาดได้ เราจึงแนะนำให้คุณทำเอาไว้ และควรใส่ไว้ในหน้าเว็บที่เป็นหน้าตะกร้าสินค้า จึงจะเหมาะสมที่สุด
6. ครอบคลุมการออกแบบหน้าเว็บด้วยเทคนิค UX/UI
การออกแบบหน้าเว็บขายของออนไลน์ควรออกแบบตามการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า หรือที่เรียกว่า UX/UI ทำให้เว็บไซต์ขายของสามารถตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานของลูกค้าได้มากกว่าการออกแบบเว็บตามใจตนเองแน่นอน อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายในการทำ เพราะควรทำผ่านคนที่เป็นมืออาชีพเท่านั้น จึงจะถือว่าได้ประสิทธิภาพที่แท้จริง
บทความที่เกี่ยวข้อง : 8 บริษัทออกแบบเว็บไซต์ ที่มาแรงที่สุดในไทยปี 2024
สร้างหน้าเว็บขายของออนไลน์ดูยุ่งยาก ควรทำอย่างไร
หากอ่านบทความนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น มาจนถึงตอนนี้ คุณอาจมีข้อสงสัยในใจแล้วว่า ยุ่งยากขนาดนี้จะทำอย่างไรดี ถ้าทำด้วยตนเอง อาจมีข้อผิดพลาด หรือออกมาไม่ดีพอ ไม่ตอบโจทย์ วิธีที่เราแนะนำ คือ การให้มืออาชีพช่วยทำ เพราะบริการทำหน้าเว็บขายของสามารถหาได้ไม่ยาก แต่จุดสำคัญ คือ การคัดเลือกคนที่มาทำให้ จะต้องคัดกรองดี ๆ เพราะคุณควรจะได้หน้าเว็บที่ใช้งานได้ตามที่คุณต้องการ จึงควรพิจารณา ดังนี้
ควรเลือกคนที่มีทีมในการพัฒนามากกว่าทำคนเดียว ดีที่สุดคือการเลือกบริษัทด้านการทำเว็บมาทำให้ เพื่อเลี่ยงการหนีงานนั่นเอง
เปรียบเทียบราคาในการทำหน้าเว็บขายของออนไลน์ให้ดี ว่าแต่ละเจ้าคิดราคาอย่างไร แต่ไม่ควรวัดราคาอย่างเดียว ควรดูผลงาน และสิ่งที่เราจะได้รับด้วย
สอบถามให้มั่นใจว่าค่าบริการจะไม่มีบวกเพิ่มแล้ว เพราะโดยมากจะมีค่าใช้จ่ายบางอย่างที่คุณต้องชำระเองทุกปี เช่น ชื่อโดเมน และพื้นที่ Hosting
อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ คุณควรลิสต์สิ่งที่ต้องการให้มีในหน้าเว็บ โดยอาจศึกษามาจากคู่แข่ง และดูว่าแต่ละเจ้ามีความชำนาญในระบบที่เราต้องการมากแค่ไหน
บริษัท Launch Platform มีความเชี่ยวชาญในการทำหน้าเว็บไซต์สำหรับเอาไว้ขายของออนไลน์โดยตรง มีความรู้ให้คำแนะนำในการเชื่อม API ที่เกี่ยวข้องได้ พร้อมทั้งช่วยออกแบบระบบหลังบ้านสำหรับให้คุณใช้งานได้ง่ายที่สุด หากคุณอยากปรึกษาเรา บริษัทเรายินดีให้คำปรึกษาฟรี
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้: