ปรับปรุงเว็บไซต์บริษัทใช้เงินเท่าไหร่ ทำไมจึงควรทำตอนนี้
เมื่อเว็บไซต์เริ่มล้าหลัง หรือพบความผิดพลาด มีจุดที่ต้องแก้ไข การปรับแก้เว็บไซต์เป็นวิธีพื้นฐาน ที่เจ้าของเว็บไซต์จะต้องเจอ หากกำลังมองหาข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนจะจ้างบริการเด้านนี้ เราแนะนำให้อ่านบทความนี้ก่อน
ทำไมคุณถึงควรปรับแก้เว็บไซต์
เนื่องจากเว็บไซต์โดยทั่วไปมีขั้นตอนในการดำเนินงานแตกต่างกัน แต่มักจะมีการวางแผนในการพัฒนาเว็บไซต์ มีการสร้าง sitemap (แผนผังของเว็บไซต์) ก่อนเสมอ อย่างไรก็ตามเมื่อเว็บไซต์ได้มีการออนไลน์ออกไปแล้ว หากเราดูค่าสถิติข้อมูลต่าง ๆ อาจมีบางจุดที่กำลังบอกว่าเว็บไซต์ของเราในตอนนี้ไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ดีพอ เช่น จุดที่วางแบนดนอร์ด้านข้างไม่ได้ผล ไม่มีคนคลิก ทำให้ต้องการลองปรับแต่งแบนเนอร์ไปไว้ด้านบนแทน เป็นต้น จะเห็นได้ว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องพยายามปรับเว็บไซต์ในภายหลังอยู่ดีนั่นเอง
โดยปกติแล้วเครื่องมือทำเว็บไซต์หลายประเภทสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ เช่น Wix หรือ WordPress เป็นต้น ที่จะต้องใช้ความชำนาญในการปรับแต่งเท่านั้นเอง แต่ยังมีเว็บไซต์บางประเภทที่ไม่สามารถปรับแต่งได้ด้วยตัวของเราเอง เช่น เว็บไซต์ประเภท Custom Made ที่มีการพัฒนาแบบเฉพาะตัว ทำให้อาจมีบางจุด หรือบางส่วนที่ถูกจัดรูปแบบการใช้งานเอาไว้แล้ว การจะปรับแต่งเพิ่มในภายหลังจึงต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำเว็บไซต์บริษัทสำคัญต่อธุรกิจอย่างไร และต้นทุนในการพัฒนา
ปรับปรุงเว็บไซต์บริษัทใช้เงินเท่าไหร่
เมื่อต้องการแก้ไขเว็บไซต์จะต้องใช้ต้นทุนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดรูปแบบเว็บไซต์ และสิ่งที่ต้องการแก้ไขเพิ่มเติม กรณีที่เป็นเว็บไซต์ทั่วไป ที่มีรายละเอียดไม่มาก เช่น เว็บไซต์ของบุคคล หรือเว็บไซต์ประเภทลงบทความเท่านั้น จะมีราคาในการปรับแต่งแก้ไขไม่แพง สามารถหาจ้างได้ทั่วไปที่ราคาประมาณ 1,500-2,000 บาทเท่านั้น
แต่ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ประเภทบริษัท เว็บไซต์องค์กรที่มีรายละเอียดมาก หรือเป็นเว็บไซต์แบบ E-Commerce ที่มีระบบซับซ้อนหลายส่วน จะไม่สามารถระบุราคาในการแก้ไขเว็บไซต์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากราคาจะแปรผันตามจุดที่ต้องการแก้ ว่ามีความซับซ้อนยุ่งยากในการทำมากแค่ไหน ยิ่งถ้าเป็นการเพิ่มระบบลูกเล่นใหม่ ๆ เข้าไป จะยิ่งทำให้ราคาสูงขึ้น แน่นอนว่าเว็บไซต์ขนาดใหญ่เหล่านี้จะต้องใช้งบในการแก้ไขเว็บไซต์ไม่ต่ำกว่าหลักหมื่นแน่นอน
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนการปรับปรุงแก้ไขเว็บไซต์
การใช้งบในการจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่จะลงมือทำ มีหลายอย่างที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อน เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง
ขอบคุณวิดีโอจาก : BorntoDev
1. งบประมาณในการแก้ไข
จากที่เราได้บอกไปว่าราคาที่จะต้องใช้จ่ายในการแก้ไขเว็บไซต์ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องการแก้ และรูปแบบขนาดของเว็บไซต์ ในเรื่องนี้จึงควรลิสต์สิ่งที่อยากจะแก้ออกมา แล้วค่อยทำการพูดคุยกับผู้ให้บริการต่าง ๆ และไม่ควรรีบตัดสินใจ ควรเปรียบเทียบผู้ให้บริการหลาย ๆ ราย รวมถึงผลงาน และความน่าเชื่อถือด้วย
2. อาจส่งผลเสียต่อ SEO
หลานเว็บไซต์อาจมีการทำ SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อติดอันดับการค้นหา และอาจทำได้ดี มีหลายคำที่ติด Google ไปแล้ว การปรับแต่งเว็บไซต์จะส่งผลเสียต่อการทำ SEO โดยตรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ามีการปรับแต่งเว็บไซต์มากแค่ไหน หากเป็นการทำใหม่เกือบทั้งหมด จะส่งผลกระทบมาก อย่างไรก็ตาม SEO ที่เสียไปจากการปรับปรุงเว็บไซต์ ไม่ได้ส่งผลถาวร หากยังมีการทำ SEO ต่อเนื่อง และถูกต้อง เว็บไซต์จะกลับมาเหมือนเดิมภายใน 3-4 เดือนเท่านั้น
3. ปรับแก้เว็บไซต์ไปแล้ว อาจต้องทำอีกเรื่อย ๆ
แม้ว่าเราจะทำการปรับปรุงเว็บไซต์ไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต้องปรับแก้อีก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ และเทรนด์เทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึงรูปแบบความต้องการของผู้ใช้งาน อาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งเว็บไซต์ของเราอาจประสบกับปัญหาคำว่า “ล้าหลัง” สู้คู่แข่งได้ลำบาก เราจึงต้องปรับเว็บไซต์อีกครั้งอยู่ดี โดยทั่วไปแล้วมักจะมีการปรับทุก ๆ 5 ปีขึ้นไป
4. อาจดีกว่าถ้ามีทีม MA
การทำ MA (Maintenance Service) เป็นการดูแลระบบหลังบ้านที่ทำหน้าที่ในการแก้ไข หรือปรับแต่งระบบต่าง ๆ โดยปกติแล้วการจ้างทีม MA มีทั้งแบบดูแลเป็นรายเดือน หรือจ้างมาทำเป็นครั้ง ๆ ตามสัญญาก็ได้เช่นกัน หากคุณมีทีม MA คอยดูแล อาจเป็นเรื่องง่ายในการปรับแก้เว็บไซต์ อย่างไรก็ตามการแก้ไขระบบที่ซับซ้อน อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน
5. ระยะเวลาในการปรับแก้เว็บ
ระยะเวลาในการจัดทำขึ้นอยู่กับความซับซ้อน และจุดแก้ไขเป็นหลัก หากแก้เพียงไม่กี่จุด จะใช้เวลาไม่นาน แต่โดยทั่วไปการแก้เว็บไซต์ของบริษัทมักจะมาในรูปแบบของการ Re-Buile ทำใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะใช้เวลาหลายเดือนในการทำ โดยทั่วจะอยู่ที่ 3 เดือนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย
6. การย้ายระบบของเว็บไซต์
เราอาจกังวลว่าหากใช้เว็บไซต์สำเร็จรูปอยู่แล้ว และต้องการย้ายมาเป็นแบบอื่นจะได้ไหม เช่น บริษัทของเราใช้ WordPress จะย้ายมาทำเว็บแบบสั่งทำ (Custom Made) ได้ไหม คำตอบคือสามารถทำได้ แต่ต้องทำการย้ายข้อมูลด้วยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ควรดำเนินการด้วยตนเอง เพื่อป้องกันข้อมูลบางส่วนที่อาจเสียหายได้
บทความที่เกี่ยวข้อง :ทำเว็บสำเร็จรูปมีข้อเสียอย่างไร เว็บสำเร็จรูปฟรีมีอะไรบ้าง
ประโยชน์จากการปรับแก้เว็บไซต์
เป็นวิธีพื้นฐานในการแก้จุดบกพร่องของเว็บไซต์ที่อาจพบเจอในภายหลัง
เพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานในเว็บไซต์มีการซื้อสินค้า บริการมากขึ้น
หากแก้ไขถูกทาง จะมีส่วนช่วยให้มีผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น
พัฒนาเว็บไซต์ให้ทันสมัยมากขึ้น รองรับ Search Engine ที่มักเกิดการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา
เว็บไซต์บริษัท ที่น่าสนใจ
เมื่อจะปรับปรุง แก้ไขเว็บไซต์ให้กับบริษัท หรือองค์กรแน่นอนว่าการมองหา Inspiration เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขเว็บไซต์ให้มีความสวยงาม มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น โดยเราจะแนะนำเว็บไซต์จากต่างประเทศเป็นหลักที่น่าสนใจ และน่านำมาเป็นตัวอย่างเว็บไซต์บริษัทโฉมใหม่ของคุณ
Bikebear : เต็มไปด้วยลูกเล่นทุกครั้งที่เราขยับเมาส์ขึ้นลงในหน้าเว็บ โดยใช้ตัวมาสคอตของบริษัทมาเป็นตัวหลักในการนำเสนอภาพจำของบริษัทตั้งแต่หน้า Home ดูรูปแบบของเว็บไซต์บริษัทเพิ่มเติมที่นี่
KD Capital : การดีไซน์อาจดูเรียบง่าย แต่เลือกที่จะใช้โทนสีอ่อน แต่เมื่อเมาส์เลื่อนผ่านรายละเอียดต่าง ๆ จะทำหน้าที่เหมือนแว่นขยายเปลี่ยนสี ส่งผลให้ Users ทำให้การเลื่อนหน้าจอสามารถทำได้เรื่อย ๆ ไม่รู้สึกเบื่อเลย ดูรูปแบบของเว็บไซต์บริษัทเพิ่มเติมที่นี่
honeytrap : มีการออกแบบด้วยการชูผลงานของบริษัท โดยการนำผลงานทั้งหมดมาทำเป็นวิดีโอในจุดแบนเนอร์หน้า Home ไม่สามารถเลื่อนจอได้ สิ่งที่ Users จะได้รับ คือ การเห็นว่าบริษัทนี้ทำอะไรมาบ้าง เป็นการพรีเซนต์ตนเองได้ดีมาก ดูรูปแบบของเว็บไซต์บริษัทเพิ่มเติมที่นี่
Launch Platform : เน้นการออกแบบที่เป็นจุดกึ่งกลางของความเรียบง่าย และความทันสมัย ภายใน 1 หน้าเว็บเก็บรายละเอียดของบริษัทจนครบ โดยจะใช้ลูกเล่นเพียงบางจุดที่จำเป็นเท่านั้น ทำให้ Users สามารถเรียนรู้ข้อมูลของบริษัทได้ครบถ้วน แม้จะอยู่เพียงหน้านี้หน้าเดียว ดูรูปแบบของเว็บไซต์บริษัทเพิ่มเติมที่นี่
แนวทางในการทำเว็บไซต์บริษัทให้ดีกว่าเดิม
การจะปรับแก้เว็บไซต์ทำได้ไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลาค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ตัดสินใจก่อนส่งมอบงานให้กับนักพัฒนาเว็บไซต์ต่อไป และต้องเข้าใจเรื่องระยะเวลาในการทำตามความละเอียดในการแก้แต่ละจุดอีกด้วย เรามีแนวทางมาช่วยแนะนำ ถือเป็นเทคนิคไม่ลับที่เราอยากให้ลอง Checklist ดูกัน
1. ศึกษาเปรียบเทียบจากเว็บไซต์บริษัทคู่แข่ง
ปัญหาหลักในการปรับแก้ ปรับปรุงเว็บไซต์ คือ ยังจับทางไม่ถูกว่าควรแก้เว็บไซต์ไปในทิศทางไหนดี หรืออาจมีแนวทางในใจแล้ว แต่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะดีพอคุ้มกับราคาที่ต้องจ่ายหรือไม่ เราแนะนำให้คุณเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ของคู่แข่งไปเลยว่าแบบไหนที่เราชอบ เพื่อนำมาเป็นต้นแบบในการปรับแก้เบื้องต้น ประกอบกับใส่ข้อมูลที่เราคิดว่าเหมาะสมกับบริษัทของเรา หรือข้อมูลจำเป็นที่ไม่สามารถขาดได้ โดยปกติแล้วรูปแบบที่เราควรศึกษาคือ การจัดวางเนื้อหา และการออกแบบเว็บไซต์เป็นหลัก
2. เว็บไซต์ไม่ควรโหลดนานกว่า 3 วินาที
แม้ความเร็วของอินเทอร์เน็ตโทรศัพท์ของแต่ละคนจะช้าหรือเร็วไม่เท่ากัน แต่ในระดับมาตรฐาน คนที่เข้าเว็บไซต์ไม่ควรรอเว็บไซต์โหลดนานกว่า 3 วินาที ซึ่งเป็นค่าเวลาเฉลี่ยที่ถือว่าเร็ว หากนานกว่านี้แนวโน้มผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์จะหนีออกจากเว็บไซต์ได้ ปัญหานี้มักเกิดจากการใช้ Plug-in ที่มากเกินไป ทำให้เว็บไซต์ต้องโหลด และทำงานเบื้องหลังหนัก ไปจนถึงพื้นที่ของเว็บไซต์มีน้อยจนเกินไป นอกจากนี้ขนาดของรูปภาพก็มีผลมากด้วยเช่นกัน
3. โฟกัสการทำปุ่ม CTA ที่ได้ผลมากกว่า
ควรมีการวัดประสิทธิภาพของปุ่ม CTA ภายในเว็บไซต์ โดยเฉพาะปุ่มที่มีความสำคัญกับธุรกิจของเรา เช่น ปุ่มทัก Chat ปุ่มเพิ่มเพื่อน และปุ่มกดสินค้าใส่ตะกร้า เป็นต้น ควรวัดก่อนว่าปุ่มไหนมีคนกดเยอะ หรือมากแค่ไหน สามารถวัดผ่านการทำ Google Tag Manager จากนั้นสามารถนำข้อมูลมาปรึกษากับทีมพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงการออกแบบ CTA และตำแหน่งในการวางปุ่มอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป
4. ความน่าเชื่อจากผลงาน และข้อมูลบริษัท
การเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ที่เข้ามาในเว็บไซต์สำคัญมาก โดยเฉพาะเว็บไซต์ทางการของบริษัท เราควรให้ความสำคัญกับรายละเอียดพื้นฐานที่ห้ามขาด เช่น ข้อมูลภาพรวม, ช่องทางติดต่อ, ผู้ก่อตั้ง และที่อยู่ เป็นต้น อีกส่วนที่สำคัญอย่างมาก และเป็นจุดที่ผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์มักจะมองหา ก่อนติดต่อมาใช้บริการ คือ ผลงานของบริษัทที่เคยทำมา จึงควรมีส่วนนี้ในหน้าแรก (Home) นอกจากนี้ยังสามารถใส่ความคิดเห็นเชิงบวกต่อผลงาน (Testimonial) จะยิ่งทำให้มีความน่าสนใจ และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
5. ปรับปรุงโครงสร้างเพื่อเสริม SEO โดยตรง
การปรับเว็บไซต์ตามที่เรากล่าวไปในเนื้อหาก่อนหน้านี้ หากมีการแก้ไขเยอะจะส่งผลให้อันดับ SEO ตกไปชั่วคราว ไหน ๆ ก็ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว หากมีส่วนที่ต้องแก้ไข ก็ควรลงมือแก้ไขอย่างจริงจังไปเลยในครั้งเดียว โดยส่วนมากจะต้องตรวจสอบโครงสร้างของการจัดวาง Headers ที่ต้องเรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง ไล่ตั้งแต่ H1 ลงไปในแต่ละหน้าทุกหน้า และการเลือกใช้คำอย่างถูกต้องสำหรับ Title และ Meta Description ด้วย ขั้นตอนนี้เป็นส่วนที่ทางทีม Developer จะเข้าใจอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องตกลงกันก่อน
บริการปรับแก้เว็บไซต์ไม่ว่าจะแบบง่าย หรือซับซ้อน สามารถทำได้กับทาง Launch Platform สามารถติดต่อเราได้ เราพร้อมให้คำปรึกษาฟรี เพื่อให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาตามที่ต้องการได้
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้: