DEVELOP WEBSITE & MOBILE APPLICATION PLATFORMS FOR ALL

เทคนิคมัดใจลูกค้าด้วยวิธีการใหม่ ๆ ที่จะทำให้การขายสินค้าออนไลน์ของคุณแตกต่างไปจากเดิม วันนี้ Launch Platform พาไปรู้จักกับ Sale Page หน้าเว็บไซต์สำหรับปิดการขายได้อย่างง่ายดาย โฟกัสที่เป้าหมาย คือ นำเสนอสินค้าและบริการที่เฉพาะเจาะจงลูกค้า เหมาะกับการตลาดหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการตลาดออนไลน์ การเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ รวมถึงการทำแคมเปญทางการตลาดที่ต้องการวัดผลให้แน่ชัด

กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

Key Takeaways

Sale Page คือ หน้าเว็บที่รวมประเด็นสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยหน้า Sale Page ควรมีข้อมูลที่ดึงดูด เช่น ข้อดีของสินค้า โปรโมชั่น และปุ่ม Call to Action ที่ชัดเจน การออกแบบต้องเรียบง่าย กระตุ้นความสนใจ และทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น”

Sale Page คืออะไร

Sale Page คือ เว็บไซต์หน้าเดียวที่ออกมาเพื่อทำการขายโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการชูเนื้อหาจุดเด่นของสินค้า ราคา โปรโมชั่น หรือแคมเปญในช่วงนั้น Sale Page ออกแบบมาเพื่อใช้โน้มน้าวใจเหล่าลูกค้าที่เข้ามาให้เกิดการซื้อขายให้จบภายในหน้านี้ได้เลยครับ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่เข้ามามักมีความต้องการสินค้าในใจอยู่แล้ว เมื่อคุณทำ Sale Page ที่น่าสนใจด้วยรูปภาพ วิดีโอ ข้อความโฆษณา ฯลฯ ก็เพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้ง่ายขึ้นครับ โดยปกติแล้ว Sale Page มี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • หน้าเว็บแบบสั้น (Short-form pages) มีเนื้อหาน้อย เน้นการนำเสนอขายและปุ่มกระตุ้นการตัดสินใจ (Call to Action) ครับ อาจมีลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมครับ

  • หน้าเว็บแบบยาว (Long-form pages) มีเนื้อหาเยอะกว่าครับ นอกจากการนำเสนอขายและปุ่มกระตุ้นการตัดสินใจแล้ว ยังมีรายละเอียดสินค้าหรือคำรับรองจากลูกค้าที่พึงพอใจครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ตอบข้อสงสัย ทำเว็บไซต์ราคาเท่าไหร่ ปี 2025 ใช้ทุนแค่ไหน?

Sale Page คืออะไร

ทำไมต้องทำ Sale Page

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันสูง การมีเว็บไซต์บริษัทอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอครับ Sale Page จึงเป็นเหมือน “พนักงานขายออนไลน์” ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือคุณในการสร้างยอดขายแบบต่อเนื่อง ซึ่งประโยชน์ของ Sale Page มีดังนี้

  1. เพิ่มอัตราการขาย ด้วยองค์ประกอบที่ออกแบบมาเพื่อปิดการขาย เช่น หัวข้อที่ดึงดูด เนื้อหาที่โน้มน้าวใจ และปุ่ม Call-to-Action ที่ชัดเจน Sale Page จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้เป็นลูกค้าครับ

  2. สร้างประสบการณ์การซื้อที่ดี Sale Page ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลจากหลายหน้าเว็บไซต์ครับ การมีกระบวนการชำระเงินที่ง่ายและสะดวกบน Sale Page ยังช่วยลดอุปสรรคในการซื้อและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

  3. ปิดการขายอย่างตรงจุด Sale Page ถูกออกแบบมาเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการเดียวอย่างเจาะจง ทำให้ลูกค้าไม่วอกแวกและโฟกัสกับสิ่งที่คุณต้องการขายครับ ต่างจากหน้าเว็บไซต์ทั่วไปที่อาจมีข้อมูลหลากหลาย Sale Page จะเน้นการโน้มน้าวใจและกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อทันทีครับ

  4. วัดผลและปรับปรุงได้ Sale Page ช่วยให้คุณสามารถติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณรู้ว่ากลยุทธ์ใดได้ผลและกลยุทธ์ใดต้องปรับปรุงครับ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณปรับปรุง Sale Page ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่องครับ

  5. สร้างความน่าเชื่อถือ การแสดงข้อมูลสินค้าอย่างละเอียด, รีวิวจากลูกค้า, และการรับประกันสินค้า จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในตัวสินค้าและบริการของคุณมากขึ้น ซึ่งหน้า Sale Page ที่ออกแบบมาอย่างดี จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของคุณ

ขอบคุณวิดีโอจาก : Ball Thatthana

ราคาในการทำเว็บไซต์แบบ Sale Page

ค่าใช้ง่ายในการสร้าง Sale Page แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ เช่น ความซับซ้อนของดีไซน์, ฟังก์ชันการทำงานที่ต้องการ, และผู้ให้บริการที่คุณเลือกครับ แต่เพื่อให้คุณเห็นภาพรวม เราได้รวบรวมช่วงราคาโดยเฉลี่ยสำหรับการทำ Sale Page ดังนี้

  • ราคาจ้างฟรีแลนซ์ : ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดีไซน์ที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์มากขึ้นครับ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท สำหรับ Sale Page แบบเรียบง่าย ไปจนถึง 50,000 บาท สำหรับดีไซน์ที่ซับซ้อนมาก ๆ ครับ

  • ทำเองผ่าน CMS สำเร็จรูป : หากคุณสามารถใช้งาน CMS พื้นฐานในการทำเว็บไซต์ง่าย ๆ เช่น Wix หรือ WordPress จะมีเพียงค่าใช้จ่ายของ Domain และ Hosting รายปีเท่านั้น ส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 1,500 บาทต่อปี

  • จ้างเอเจนซีหรือผู้ให้บริการดีไซน์เว็บไซต์ : ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ Sale Page ที่มีประสิทธิภาพสูงและเน้นผลลัพธ์ทางการตลาด ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท สำหรับ Sale Page พื้นฐาน ไปจนถึง 100,000 บาท สำหรับโปรเจกต์ที่มีความซับซ้อน ข้อดีคือได้งานที่มีคุณภาพสูง มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญดูแล และมีการวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องครับ

การเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการของคุณ หากต้องการความรวดเร็วและประหยัดงบประมาณ การใช้เครื่องมือสร้าง Sale Page เป็นทางเลือกที่ดีครับ หากคุณต้องการดีไซน์หน้าเว็บที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ การจ้างฟรีแลนซ์เป็นทางเลือกที่เหมาะสมครับ และหากคุณต้องการ Sale Page ที่มีประสิทธิภาพสูงและเน้นผลลัพธ์ทางการตลาด การจ้างเอเจนซีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ

ราคาทำเว็บ Sale Page

ทำไมต้องปรับปรุงทดสอบ Sale Page ต่อเนื่อง

Sale Page ไม่ใช่สิ่งที่สร้างเสร็จแล้วจบครับ นั่นเพราะโลกออนไลน์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้น และคู่แข่งก็ไม่หยุดนิ่งครับ การปรับปรุงและทดสอบ Sale Page อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คุณรักษาความสดใหม่และทันสมัย, เพิ่มประสิทธิภาพในการปิดการขาย, ปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภค, แก้ไขปัญหาและข้อผิดพลาด รวมถึงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน

เพราะเพียงแค่หน้าเพจเสีย ใช้งานไม่ได้เพียง 1 วัน นั่นก็แปลว่าคุณอาจพลาดโอกาสในการซื้อขายสินค้าไปเลย และทางที่ดีนั้นเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพควรทำเว็บไซต์ให้สมบูรณ์ และมีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้งาน

สรุป

กล่าวคือ Sale Page ไม่ใช่แค่หน้าเว็บไซต์ขายสินค้า แต่เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังที่ช่วยให้ปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณครับ ในครั้งหน้า Launch Platform จะมีเทคนิคหน้าเว็บไซต์ดี ๆ อย่างไรมานำเสนออีก ต้องติดตามกันในเร็ว ๆ นี้ครับ

เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้:

ที่มาของข้อมูล:

  1. Indeed: What Is a Sales Page? (With Content, Directions and Tips)

  2. Optimize Press: 18 Sales Page Examples That Will Transform Your Business

  3. Unbounce: How much does a landing page cost


13 Mar 2025
Tags :



Writer
LAUNCHPLATFORM
Content Writer

บทความแนะนำที่เกี่ยวกับบริการ