ในการทำเว็บไซต์ธุรกิจ หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญมากก็คือเว็บไซต์ของธุรกิจ เพราะเว็บไซต์ถือเป็นหน้าตาของธุรกิจบนโลกออนไลน์เลยก็ว่าได้ หากเว็บไซต์มีหน้าตาที่สวย และใช้งานง่าย ลูกค้าก็อยากจะกดเข้ามาทำความรู้จักกับเรามากขึ้น แต่การสร้างเว็บไซต์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ในวันนี้เราเลยจะมาแนะนำเครื่องมือที่จะช่วยให้มือใหม่สร้างเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ กับ Webflow เครื่องมือที่คนเขียนโค้ดไม่เป็นก็ใช้งานได้
กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
รู้จักกับ Webflow ว่าคืออะไร? Webflow เป็นเครื่องมือที่ให้บริการเทคโนโลยีสำหรับการสร้างเว็บไซต์แบบไม่ต้องใช้โค้ด ซึ่งทำให้เราสามารถสร้างเว็บไซต์ตามที่เราจินตนาการไว้ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเขียนโค้ด เพราะมีการออกแบบตัวหน้าต่างการใช้งานที่ใช้งานง่าย เพราะหน้าตาของ Webflow จะมีลักษณะคล้ายกับ Photoshop และ Illustrator นั่นเอง
นอกจากจะใช้งานง่ายแล้ว Webflow ยังสามารถสร้างเว็บไซต์ที่สามารถทำงานได้บนทุกแพลตฟอร์ม และยังสามารถเข้ากันได้กับทุกภาษาโปรแกรมที่เป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็น HTML5, CSS และ JavaScript จึงทำให้ Webflow กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในการนำมาใช้สร้างเว็บไซต์
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 อันดับโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรี ใช้ง่ายคุณภาพสูงปี 2024
ฟีเจอร์เด่น ๆ ของ Webflow สำหรับ Webflow ถือเป็นเครื่องมือที่มีฟังก์ชัน และฟีเจอร์ให้เลือกใช้ที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการสร้างเว็บไซต์ในแบบที่ต้องการได้นั่นเอง
1. CMS (Content Management System) ฟีเจอร์นี้ ถือเป็นจุดเด่นของ Webflow ที่จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการคอนเทนต์บนเว็บไซต์ได้อย่างเป็นระบบ นั่นก็คือ Dynamic Content เป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยให้เราสามารถเพิ่ม ลด และปรับแต่งคอนเทนต์ในที่เดียว แล้วจะไปแสดงผลหลาย ๆ ส่วนในเว็บไซต์ได้เลย โดยเราสามารถกำหนด Filter คอนเทนต์ที่จะไปแสดงผลได้ และยังสามารถเพิ่มช่อง Search คอนเทนต์เว็บไซต์ของคุณได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
2. Design Webflow จะช่วยให้เราสามารถปรับแต่งหน้าตา และโทนของเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด การดีไซน์เว็บไซต์ โดยทั้งหมดจะแสดงผลออกมาในหน้าต่างโปรแกรมเดียว ซึ่งอยู่ในคอนเซปต์แค่คลิก ลาก และวาง ก็สามารถปรับแต่งได้ง่าย ๆ
สำหรับรูปแบบการบริหารจัดการจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนง่าย ๆ คือ Structure ที่จะช่วยให้เราสามารถปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ได้ โดยกำหนดภาพรวมของเว็บไซต์ทั้งหมด และในส่วนของ Style ที่จะทำให้เราสามารถปรับแต่งความสวยงามของเว็บไซต์ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นขนาด สี ฟอนต์ พื้นหลัง กรอบ หรือการใส่เอฟเฟกต์
3. Free Template Webflow มีฟีเจอร์ที่ให้เราสามารถเลือกใช้เทมเพลตได้ฟรี ซึ่งเราสามารถเลือก และแก้ไขหน้า Landing Page ได้ตามใจชอบ เช่น หากต้องการสร้างปุ่มหรือรายการ ก็สามารถเลือกได้ในแถบ Basic หรือต้องการสร้างข้อความทั่วไป ก็มีให้เลือกรูปแบบการจัดวางในแถบ Typography โดยจะเป็นแบบ Block Quote หรือ Text Link ก็ได้
นอกจากนั้นเรายังสามารถเพิ่มรูปภาพ หรือวิดีโอในแถบ Media ได้ หรือจะแนบ Hotlink จาก YouTube ก็ได้เช่นกัน ซึ่งถ้ายังไม่ถูกใจเทมเพลตฟรีที่มีอยู่ ก็สามารถซื้อเทมเพลตเพิ่มได้ โดยแต่ละเทมเพลตก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป
4. E-Commerce สำหรับฟีเจอร์นี้ เป็นฟีเจอร์ที่จะทำให้เว็บไซต์ของเรากลายเป็นหน้าร้านขายสินค้า และบริการออนไลน์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดหน้าตาร้านค้าให้เหมาะสมกับสินค้า และบริการของเรามากที่สุด รวมไปถึงการเพิ่มลูกเล่นด้วย Animation ที่จะทำให้หน้าร้านของเราสะดุดตา โดยยังสามารถเพิ่มช่องทางการชำระเงิน และช่องทางการจัดส่งสินค้า แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ไม่ต้องเขียนโค้ดเลยแม้แต่บรรทัดเดียว
5. Export อีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ดของ Webflow คือสามารถ Export เว็บไซต์ออกมาเป็นโค้ดได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ทำให้การพัฒนาเว็บไซต์ของเราไม่ผูกติดอยู่กับ Webflow ในกรณีที่เราต้องการย้ายไปทำแพลตฟอร์มอื่น หรือต้องการจ้าง Developer มาทำต่อ ก็สามารถทำได้ง่าย และสามารถเริ่มได้เลย ไม่เหมือนแพลตฟอร์มอื่นที่การทำใหม่อาจจะง่ายกว่า
วิธีสร้างเว็บไซต์ด้วย Webflow สำหรับ Webflow มีจุดเด่นตรงที่เครื่องมือออกแบบเว็บไซต์ที่สร้างมาอย่างดี ช่วยให้คนที่ไม่มีประสบการณ์ในการสร้างเว็บไซต์ หรือมือใหม่ที่ไม่เคยเขียนโค้ด ก็สามารถสร้างเว็บไซต์อย่างมืออาชีพได้ เพราะตัวเครื่องมือจะมีคำแนะนำการใช้งานที่สอนการใช้งานตั้งแต่เริ่มแรกเข้า โดยวัดจากประสบการณ์ของเรานั่นเอง
เข้าเว็บไซต์ https://webflow.com/ แล้วสมัครเข้าใช้งาน
จากนั้นให้สร้าง Project ใหม่เรียบร้อยแล้ว ระบบจะสร้างหน้าเปล่า ๆ ขึ้นมา ซึ่งเราเรียกว่า Page ซึ่งเปรียบเสมือนหนึ่งหน้าบนเว็บไซต์ คล้าย ๆ Frame บน Figma
ใน Page นั้นเราจะสามารถลาก Element ต่าง ๆ มาวางบน Page ได้ โดยดูตรงเมนูด้านซ้าย ซึ่งจะเป็น Element ง่าย ๆ อย่าง Text, Button, Image, CTA ไปจนถึง Dropdown นั่นเอง
หลังจากที่เราทำการสร้างเว็บไซต์แล้ว เราสามารถ Publish เว็บไซต์ได้ทันที ซึ่งจะเป็นเว็บฯทดลอง ก่อนเริ่มใช้เว็บไซต์จริงได้เลยโดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งสามารถเข้าถึงผ่าน URL ได้ผ่าน xxx.webflow.io
หลังจากที่เรามั่นใจแล้วว่าเราได้เว็บไซต์ที่ต้องการแล้ว ก็สามารถเริ่มซื้อ Domain Name เว็บไซต์ในภายหลังได้ โดยมีค่าบริการเพิ่มเติมซึ่งดูได้ที่ Pricing Plan
VIDEO
ขอบคุณวิดีโอจาก : The Growth Master
Webflow ต้องเสียค่าใช้จ่ายไหม? Webflow สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ฟรี โดยเลือก Free Plan ซึ่งจะจำกัดไว้ที่ 2 Project และหากต้องการฟีเจอร์หรือ Project ที่มากขึ้น ก็มีประเภทของ Package ให้เลือกอีก 3 แบบ
Basic Plan: เริ่มต้นที่ $14 ต่อเดือน เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดเล็ก และเรียบง่าย
CMS: สำหรับ CMS เริ่มต้นที่ $23 ต่อเดือน เหมาะกับเว็บไซต์ส่วนตัว, Blog, เว็บไซต์ขายสินค้า (Ecommerce) ที่ต้องการ Custom Domain เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ
Business: เริ่มต้นที่ $39 ต่อเดือน เหมาะกับการทำเว็บไซต์ให้กับลูกค้า มีระบบออกบิล และสามารถทำงานร่วมกันกับทีมได้
Enterprise: แพ็กเกจนี้ต้องติดต่อทาง Webflow โดยตรง เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการการสนับสนุน และความปลอดภัยขั้นสูง
Webflow เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย และคุ้มค่าที่สุด Web Flow ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แม้ว่าจะไม่มีพื้นฐานในการสร้างเว็บไซต์มาก่อน รวมถึงคน หรือธุรกิจที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัย และต้องการทีมช่วยสนับสนุน เรียกได้ว่า Webflow เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยให้การสร้างเว็บไซต์ของคุณทำได้ง่าย และสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการเขียนโค้ดอีกต่อไป
นอกจากนี้ Launch Platform อีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างเว็บไซต์ที่มีจุดเด่นในการทำเว็บไซต์แบบสั่งทำ Custom Made ที่คุณสามารถตั้งค่าระบบหลังบ้านที่อยากได้ตามความต้องการของคุณเอง สามารถเลือกรูปแบบหน้าเว็บไซต์สวย ๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องสนใจขีดจำกัดเหมือนกับโปรแกรมทำเว็บไซต์ทั่วไป หากสนใจอย่ารอช้าที่จะติดต่อสอบถามเรา เราพร้อมที่จะให้คำปรึกษาฟรีตอนนี้
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้:
ที่มาข้อมูล : 1 , 2 , 3
