6 Web Browser ที่คนไทยใช้เยอะที่สุด พร้อมข้อดีข้อเสีย
การเลือกใช้ Web Browser อาจจะดูเหมือนเรื่องง่าย มีโปรแกรมตัวไหนติดเครื่องมาก็ใช้ไปเลย แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณรู้ว่าโปรแกรมชนิดนี้แต่ละตัวมีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร Launch Platform จะแนะนำให้ เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกใช้งานตามความเหมาะสมครับ
กดเลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
Key Takeaways
"Web Browser คือ โปรแกรมตัวกลางในการเข้าถึงเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยมีให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย เช่น Google Chrome หรือ Safari เป็นต้น ซึ่งแต่ละ Browser มีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกัน นอกจากนี้ในยุคใหม่หลายคนยังหันไปค้นหาข้อมูลผ่านการใช้ AI ที่ทำงานได้รวดเร็ว ตอบตรงจุด ประหยัดเวลามากกว่า และยังสามารถใช้งานได้ฟรีอีกด้วย"
Web Browser คืออะไร
Web Browser คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางการแสดงผลของสื่อทางอินเทอร์เน็ต หรือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยภาษาเฉพาะต่าง ๆ ให้ออกมาในรูปแบบที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจได้ง่ายที่สุด เช่น เว็บไซต์ที่เป็น HTML ซึ่งมี Code เป็นจำนวนมาก หากไม่ใช่ผู้ที่มีความรู้ด้านนี้จะอ่านได้ลำบากมาก ๆ แต่โปรแกรม Web Browser จะแสดงข้อมูล Code เหล่านั้นออกมาเป็นเพียงตัวหนังสือธรรมดา ๆ ให้อ่านง่าย เป็นต้น
แน่นอนว่าหากไม่มีโปรแกรมชนิดนี้ การแสดงผลบนเว็บไซต์จะไม่ใช่เนื้อหาอย่างที่เราคุ้นชินกันอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงควรเลือกใช้โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์อย่างเหมาะสมต่อการใช้งานจริงของเรา ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานอยู่หลายโปรแกรมครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง : รวม 10 ประเภทของเว็บไซต์ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่เหมาะสม
6 Web Browser ที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด
นอกจากเว็บเบราว์เซอร์ที่เราคุ้นหูกัน เช่น Google Chrome หรือ Safari ยังมีอีกหลายโปรแกรมให้เลือกใช้งานกัน โดยเราจะหยิบยกโปรแกรมที่คนไทยรู้จักกันดี และใช้กันมากที่สุดมารีวิวให้ดูว่า แต่ละโปรแกรมมีจุดเด่น จุดด้อยเป็นอย่างไร ได้แก่ Google Chrome, Safari, Microsoft Edge, Firefox, Opera และ DuckDuckGo
1. Google Chrome
เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ตอนเปิดตัวครั้งแรกในปี 2008 เนื่องจากเป็นเบราว์เซอร์ของทาง Google เอง และโดดเด่นเรื่องการใช้งานที่ง่ายมาก ๆ ในช่วงที่เปิดตัวใหม่ ๆ แต่ในปัจจุบันมีการปรับรูปแบบการใช้งานมากขึ้น และเป็นหนึ่งในเบราว์เซอร์ที่กินประสิทธิภาพเครื่องของคุณไม่น้อยเลย เป็นที่นิยมใช้งานในระบบปฏิบัติการ Windows
ข้อดีของ Google Chrome
ออกแบบ Interface ให้ใช้งานได้ง่าย เน้นการจัดวางปุ่มได้ดีไม่ดูรกหน้าจอ
การใช้งานืถอว่ามีความเร็วสูงหากเปิดแท็บเว็บไซต์น้อย
ได้รับการ Update บ่อย มักปรับเปลี่ยนการใช้งานจากการเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้ของ Google โดยตรง
มีส่วนขยาย (Extension) ให้เลือกใช้เป็นจำนวนมาก
ข้อเสียของ Google Chrome
กินทรัพยากรเครื่องเยอะมาก หากเปิดเว็บไซต์หลายแท็บ
มักมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย แต่ก็มีการ Update เรื่อย ๆ เช่นกัน
มุ่งเน้นการแสดงผลแบบโฆษณาค่อนข้างมากในผลการค้นหาแรก ๆ
ดาวน์โหลด (Download) Google Chrome : คลิก
2. Safari
เป็นเบราว์เซอร์ที่ติดมากับ Mac OS ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2007 เป็นที่นิยมอันดับที่ 2 โดยในช่วงแรกยังมีให้ใช้งานในระบบ Windows อีกด้วย แต่ในปัจจุบันไม่ได้รับการพัฒนาต่อแล้ว ทำให้ภาพจำในตอนนี้ Safari คือ เบราว์เซอร์สำหรับ Mac OS แทน ส่วนสำคัญในการพัฒนา คือ มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยในการใช้งานเป็นหลัก แต่ในส่วนของรูปแบบใช้งานจะมีความจำกัดพอสมควร และมักเกิดอาการ Error บ่อย อย่างไรก็ตาม Safari ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในเรื่องของความปลอดภัยเสมอครับ
ข้อดีของ Safari
ไม่ค่อยเก็บข้อมูลการใช้งานของ User ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง
เนื่องจากพัฒนาบน Mac OS ทำให้มีความปลอดภัยสูง
กินทรัพยากรเครื่องค่อนข้างน้อย
ข้อเสียของ Safari
มักเกิดอาการ Error เองเมื่อเปิดแท็บมากขึ้น
ลูกเล่นไม่หวือหวา เนื่องจากส่วนขยายค่อนข้างน้อย แต่ปลอดภัยในการใช้งาน
การจัดการแท็บบุ๊กมาร์ก (Bookmark) ค่อนข้างยุ่งยาก
ดาวน์โหลด (Download) Safari : คลิก
3. Mozilla Firefox
แม้หลายคนอาจไม่ได้ใช้งานบ่อย แต่ Mozilla Firefox เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 3 ในลิสต์นี้ รองจาก Google Chrome และ Safari โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 อย่างไรก็ตามโปรแกรมตัวนี้ถือว่าพัฒนาได้ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับโปรแกรมตัวอื่น ๆ แต่ด้วยอายุที่อยู่มานาน และการใช้งานที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร อยู่ในระดับกลาง ๆ ทำให้หลายคนอาจมีติดเครื่องไว้ กรณีที่เว็บเบราว์เซอร์ที่ใช้เป็นประจำมีปัญหานั่นเอง
ข้อดีของ Mozilla Firefox
เป็นเบราว์เซอร์รองที่น่าสนใจด้วยการใช้งานระดับกลาง ๆ
มีลูกเล่นมากพอสมควร แต่ต้องติดตั้งเพิ่มผ่านส่วนขยาย
ข้อเสียของ Mozilla Firefox
ใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมากในการ Run Program
การพัฒนาระบบใหม่หลายอย่าง แต่ส่วนมากล้มเหลว ทำให้ดูล้าสมัย
ดาวน์โหลด (Download) Mozilla Firefox : คลิก
4. Microsoft Edge
อีกหนึ่งเบราว์เซอร์ที่หลายคนอาจรู้จักดี เรียกได้ว่ามักมีติดเครื่องแต่ไม่ได้ใช้งาน เบราว์เซอร์ตัวนี้พัฒนามาจากเบราว์เซอร์ระดับตำนานอย่าง Internet Explorer ในปี 2015 ส่วนหนึ่งเพราะ Google Chrome เข้ามาแทนที่ด้วยการใช้งานที่ใหม่กว่ามาก ปัจจุบัน Microsoft Edge ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดย Microsoft การใช้งานค่อนข้างธรรมดาไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก และยังมี Interface ที่ค่อนข้างล้าสมัย หากเทียบกับเบราว์เซอร์ตัวอื่น ๆ
ข้อดีของ Microsoft Edge
มีการใช้ AI พัฒนาการใช้งาน แต่ยังคงต้องรอ Update ต่อไป
ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อยมาก ๆ แทบไม่มีปัญหา Error หรือช้าเลย
มีส่วนขยายให้เลือกใช้เยอะ เป็นส่วนขยายแบบเดียวกับ Google Chrome
ข้อเสียของ Microsoft Edge
พัฒนาค่อนข้างช้า แม้จะตั้งต้นมาจาก Internet Explorer ที่มีมานานมากแล้ว
ออกแบบ Interface ได้ยุ่งยากสุด ๆ ทำให้การใช้งานดูยุ่งยาก แม้ว่าจะไม่ค่อยมีอะไรก็ตาม
มักถูกตั้งเป็นโปรแกรมเริ่มต้นบน Windows เสมอ แม้เราจะไม่ต้องการใช้งาน
ดาวน์โหลด (Download) Microsoft Edge : คลิก
5. Opera
โปรแกรมตัวนี้เปิดตัวในช่วงปี 1996 นับว่าเก่าแก่ที่สุดในลิสต์นี้แล้ว แม้จะมีหลายคนรู้จัก และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็ยังไม่สามารถเป็นเจ้าตลาดได้ จุดเด่นของ Opera หลัก ๆ คือ เน้นการใช้งานที่ค่อนข้างรวดเร็ว รองรับการแสดงผลที่มีลูกเล่นออกมาได้ดี และสามารถใช้ในระบบปฏิบัติการได้อย่างหลากหลาย และมีการพัฒนาที่ค่อนข้างรวดเร็ว ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามในปัจจุบันเช่นกัน
ข้อดีของ Opera
หากไม่ได้เปิดแท็บเยอะ ถือว่ามีการใช้งานที่รวดเร็ว โหลดหน้าเว็บได้ไว
มีระบบพิเศษในการช่วยบล็อกโฆษณาในหน้าผลการค้นหา
ออกแบบ Interface หรือ UI ออกมาได้ดี เน้นการใช้งานที่ง่าย
ข้อเสียของ Opera
เพราะเน้นความรวดเร็วทำให้มีลูกเล่นที่ไม่มากเท่ากับโปรแกรมอื่น ๆ
มีการ Update เรื่อย ๆ แต่ไม่ได้มีการเพิ่มระบบที่โดดเด่นมากนัก
ความปลอดภัยไม่ได้ดีที่สุดในลิสต์นี้
ดาวน์โหลด (Download) Opera : คลิก
6. DuckDuckGo
หลานคนอาจไม่คุ้นชื่อนี้ แต่โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ DuckDuckGo เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว และค่อยพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันเริ่มมีผู้คนให้ความสนใจมากขึ้น เนื่องจากมีจุดเด่นที่สุด คือ ความเป็นส่วนตัวในการใช้งานที่สูงมาก แต่ก็มีข้อเสียมากเช่นกัน เพราะโปรแกรมนี้เปิดอิสระในการค้นหามากเกินไป จนอาจพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้ ต่างจากโปรแกรมอื่น ที่มักจะบล็อกเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมนั่นเองครับ
ข้อดีของ DuckDuckGo
มีความปลอดภัยในการใช้งานที่สูงมาก แทบจะไม่เก็บข้อมูลของผู้ใช้เลย
มีอิสระในการค้นหาที่สูง สามารถค้นหาเว็บไซต์ที่อาจไม่แสดงผลการค้นหาในโปรแกรมอื่น
ข้อเสียของ DuckDuckGo
การแสดงผลในการใช้งานครั้งต่อไปอาจไม่ดี เพราะไม่ได้บันทึกข้อมูลความชอบของผู้ใช้งานไว้
เว็บไซต์อันตรายหลายเว็บไซต์มักปรากฏผลการค้นหามาด้วย เป็นผลมาจากความอิสระที่โปรแกรมนี้ต้องการจะมอบให้
ต้นทุนในการพัฒนาที่อาจน้อยกว่าโปรแกรมอื่น ทำให้แทบไม่มีลูกเล่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจเลย
ดาวน์โหลด (Download) DuckDuckGo : คลิก
นอกจาก 6 โปรแกรมที่เรายกมา ยังมีโปรแกรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น Bing ซึ่งสามารถเข้าใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้ง เราจึงไม่ได้นับว่าเป็นโปรแกรม Web Browser เมื่อมีโปรแกรมที่หลากหลายแบบนี้ สงสัยหรือไม่ว่าคุณควรเลือกใช้ตัวไหนจะดีที่สุด
ควรเลือกใช้งาน Web Browser ตัวไหนดี
เมื่อมีตัวเลือกโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ให้เลือกเป็นจำนวนมาก คำถามคือควรเลือกตัวไหน เราสามารถเลือกจากความต้องการของตนเองเป็นหลัก เช่น เราต้องการความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยให้เลือกใช้ Safari แต่แน่นอนว่าเราต้องใช้ระบบ Mac OS ด้วย หากต้องการใช้งานอย่างรวดเร็วมีลูกเล่นเยอะก็คงต้องหันไปใช้ Google Chrome แทน เป็นต้น อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้เพียงโปรแกรมเดียว แต่คุณยังสามารถเลือกใช้ได้หลายโปรแกรมตามความสะดวกด้วย และความเหมาะสมต่อการใช้งานแต่ละครั้งเช่นกันครับ
ขอบคุณวิดีโอจาก : 9arm
ข้อแนะนำในการใช้งาน Web Browser ที่เราอยากบอกคุณ
อย่าลืมล้างประวัติการเล่นเบราว์เซอร์ของคุณเป็นประจำ เพื่อป้องกันการถูกติดตามข้อมูลในการโฆษณาต่าง ๆ
ควรเสริมการป้องกันให้กับเบราว์เซอร์บางตัวที่มีความปลอดภัยต่ำ ด้วยการติดตั้งส่วนขยายต่าง ๆ เราแนะนำตัวที่ชื่อว่า Malwarebytes ที่จะช่วยตรวจจับเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย และช่วย Block ให้อัตโนมัติ สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่
พยายามอย่าใช้ฟังก์ชันจดจำรหัสผ่าน เพราะเมื่อมีการติดไวรัสต่าง ๆ จากเบราว์เซอร์ขึ้นมาจริง ๆ จะทำให้เสี่ยงเสียข้อมูลสำคัญได้
คอย Update เบราว์เซอร์ที่ใช้งานอยู่เสมอ ๆ เพราะบางครั้งผู้พัฒนาอาจพบช่องโหว่ของโปรแกรม และได้ทำการแก้ไขผ่านการ Update ล่าสุด
พยายามหลีกเลี่ยงการเปิดแท็บเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก เพื่อให้การใช้งานยังคงเสถียร ไม่ค้าง หรือไม่เกิดการ Error ขึ้น
Web Brower VS AI ตัวไหนดีกว่ากันในการหาข้อมูล
ปัจจุบันมีการนำ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้งานในการค้นคว้าหาข้อมูล และการตอบคำถาม ซึ่งส่วนของการหาข้อมูลนั้นมี AI ให้ใช้งานได้ฟรีหลายตัว เช่น ChatGPT, Gimini หรือ DeepSeek เป็นต้น ซึ่งสามารถให้คำตอบได้เป็นอย่างดี และรวดเร็วกว่าการไปค้นคว้าด้วยตัวเอง เพราะหลายคนเข้าเว็บไซต์ไปแล้วอาจเจอเว็บไซต์ Error หรือเต็มไปด้วยการบดบังของโฆษณาต่าง ๆ ทำให้เทรนด์ใหม่นี้ มีคนหลายส่วนหันมาหาข้อมูลกับ AI มากกว่าจะทำด้วยตนเองนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่ยังคุ้นชินกับการใช้ Web Brower ก็อาจต้องเลือกใช้ให้ดี และปลอดภัยครับ
สรุป
การเลือกใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ทั้งในมือถือ และในคอมพิวเตอร์ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ใช้งานโดยตรง นอกจากนี้หากคุณอยากมีเว็บไซต์ของตนเองเอาไว้ให้คนอื่นเข้าบ้าง อย่าลืมที่จะนึกถึง Launch Platform เพราะเราสามารถให้คำปรึกษากับคุณได้อย่างแน่นอนครับ
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้: